วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

นิตยสารสกุลไทยประกวดนิยายขนาดสั้น หมดเขต 30 เมษายน 2559


นิตยสารสกลุไทยประกวดนิยายขนาดสั้น
ข่าวดีสำหรับใครที่ชอบเขียนนิยาย
มาส่งเรื่องเข้าประกวดกันดีกว่า


ข่าวแจ้งว่า นิตยสารสกุลไทย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขอเชิญนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดนวนิยายขนาดสั้นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยววิถีไทย ในโครงการ “เที่ยว เขียน ไทย” ชิงเงินรางวัล พร้อมตั๋วเครื่องบิน และที่พัก

วัตถุประสงค์ของการประกวดก็เพื่อ
       หานักเขียนหน้าใหม่ของงานเขียนนวนิยายขนาดสั้น
        เพื่อให้ผลงานวรรณกรรมมีฉากในประเทศไทย และเป็นการช่วยส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวภายในประเทศโดยผ่านงานวรรณกรรม

ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องมีคุณสมบัติ
๑. เป็นวรรณกรรมประเภทนวนิยาย เนื้อหาของผลงานเขียนได้ทุกแนว เช่น  อิงประวัติศาสตร์ ดราม่า หรือ โรแมนติก สืบสวน สอบสวน เหนือธรรมชาติ ฯลฯ ที่สำคัญต้องใช้ฉากการดำเนินเรื่องในประเทศไทย เพื่อให้เกิดค่านิยมในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามในประเทศไทย
๒. เป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ขึ้นเอง ไม่ลอกเลียนแบบหรือดัดแปลงจากเรื่องใดๆ หากมีการลอกเลียนแบบหรือดัดแปลงหรือละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
๓. เป็นผลงานใหม่ที่ไม่เคยพิมพ์โฆษณาเผยแพร่มาก่อน รวมทั้งทางอินเทอร์เน็ตและหนังสือทำมือ
๔. ต้นฉบับผลงานเป็นภาษาไทย พิมพ์ลงในกระดาษเอ ๔ หน้าเดียว ตัวอักษรคอร์เดีย ยูพีซี ขนาด ๑๖ พอยท์ ช่องว่างระหว่างบรรทัด ๑๖ พอยท์ ความยาวของเรื่องไม่เกิน ๑๕-๑๘ ตอน ตอนละไม่เกิน ๘ หน้า (ความยาวทั้งหมดไม่ต่ำกว่า ๑๒๐ หน้า) จัดทำเป็นสำเนาจำนวน ๕ ชุด พร้อมแผ่นไฟล์ต้นฉบับ
๕. ระหว่างที่ส่งผลงานเข้าประกวดจนถึงประกาศผล ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดต้องไม่ส่งผลงานเดียวกันนี้ไปประกวดหรือพิมพ์เผยแพร่ในที่ใด
๖. ผู้สร้างสรรค์ยังมีชีวิตอยู่ในขณะที่ส่งผลงานเข้าประกวด
๗. คณะกรรมการจะไม่ส่งต้นฉบับผลงานคืน

หลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกและตัดสิน
๑. เป็นวรรณกรรมที่มีเนื้อหาสาระไม่ขัดต่อศีลธรรม
๒. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีฉากส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในสัดส่วนที่เหมาะสมกลมกลืนกับเนื้อหาและโครงเรื่องหลัก
๓. มีสำนวนภาษาถูกต้องเหมาะสม
๔. มีอรรถรสทางบันเทิงคดีและมีคุณค่าเชิงวรรณศิลป์
๕. การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นยุติ
๖. คณะกรรมการสงวนสิทธิ์ในการเรียกคืนรางวัลพร้อมเงินรางวัล หากพบว่าผู้ส่งผลงานเข้าประกวดกระทำผิดหลักเกณฑ์ด้วยวิธีใดก็ตาม

ระยะเวลาดำเนินการและการจัดส่ง

รับผลงานเข้าประกวด ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
ประกาศผลตัดสิน ภายในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
การมอบรางวัล (จะกำหนดวัน เวลา และสถานที่ และแจ้งให้ผู้ชนะการประกวดทราบต่อไป)
รางวัล

รางวัลที่ ๑ เงินรางวัล ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ๒ ที่นั่ง ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และที่พัก
รางวัลที่ ๒ เงินรางวัล ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-กระบี่ ๒ ที่นั่ง ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และที่พัก
รางวัลที่ ๓ เงินรางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ๒ ที่นั่ง ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และที่พัก
การเผยแพร่ผลงาน
๑. ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในนิตยสารสกุลไทย และผู้เขียนจะได้รับค่าตอบแทนตามที่ผู้จัดการประกวดกำหนด
๒. การจัดพิมพ์รวมเล่มผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลที่ ๒ รางวัลที่ ๓ ครั้งแรกเป็นสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เพื่อนดี ซึ่งสำนักพิมพ์จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ตามระเบียบของสำนักพิมพ์

การส่งผลงานเข้าประกวด
ส่งผลงานโดยจัดทำเป็นสำเนา จำนวน ๕ ชุด พร้อมแผ่นไฟล์ต้นฉบับ ส่งผลงานด้วยตนเองหรือส่งไปรษณีย์ ลงทะเบียนจ่าหน้าซองถึง

กองบรรณาธิการนิตยสารสกุลไทยรายสัปดาห์
๕๘ ซอยนภาศัพท์ (แยกที่ ๕) ถนนสุขุมวิท ๓๖
แขวงคลองตัน เขตคลองเตย
กรุงเทพฯ ๑๐๑๑๐
เขียนข้อความว่า “นวนิยายส่งเข้าประกวด เที่ยว เขียน ไทย” ที่มุมซองด้านขวาล่าง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
คุณรมณา ศิริรัตน์ โทร.๐-๒๒๕๘-๕๘๖๑-๒ ต่อ ๓๐๓


วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ใครยังไม่ได้อ่านเล่มนี้..อย่าลืมโหลดซื้อ E book นะฮะ
สำหรับคนชอบแมว หนังสือเล่มนี้จะเป็นเล่มโปรดของคุณแน่ๆ

ราคาแสนคุ้มค่า สุดประหยัด 49 บาทเท่านั้นเอง

โหลดเลยฮะ ที่ ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/a28a7410-499d-490c-9d10-e66d7bbbfbe6/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B2-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

เชิญนักกลอน ร่วมประกวดกวีนิพนธ์ครั้งที่ 1


 ท่านที่ชอบเขียนบทกวีฟังทางนี้  ฝ่ายศิลปวัฒนธรรม(วรรณกรรม) สถาบันปรีดี พนมยงค์ ขอเชิญผู้สนใจ ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดกวีนิพนธ์ขนาดสั้น ในโครงการ “แรงบันดาลใจจากข่าวสู่งานกวีนิพนธ์” ครั้งที่ ๑ ชิงเงินรางวัล พร้อมโล่



โดยมีรายละเอียดังต่อไปนี้


ประเภทและเนื้อหาของงาน
เป็นผลงานประเภทกวีนิพนธ์ มีเนื้อหาสะท้อนสภาพสังคม โดยได้แรงบันดาลใจจากข่าว โดยเลือกเขียนประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังต่อไปนี้

ประเภทมีฉันทลักษณ์ : จะมีฉันทลักษณ์ตามแบบที่มีมา คือ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรวมกันกี่ประเภทก็ได้ หรืออาจสร้างฉันทลักษณ์ขึ้นใหม่ก็ได้ แต่ต้องเสนอโครงสร้างมาด้วย กำหนดความยาวประมาณ ๖ -๑๐ บท
ประเภทไม่มีฉันทลักษณ์ : จะเป็นกลอนเปล่า หรือลำนำ ก็ได้ กำหนดความยาวประมาณ ๒ หน้ากระดาษเอ. ๔
คุณสมบัติของงาน

เขียนเป็นภาษาไทย
สร้างสรรค์ขึ้นเอง ไม่แปลหรือแปลงจากงานเขียนของผู้อื่น กรณีที่มีการลอกเลียนผลงานของผู้อื่น สถาบันฯจะดำเนินการตามกฎหมายลิขสิทธิ์ทันที
เป็นงานที่เขียนขึ้นใหม่ ไม่เคยตีพิมพ์หรือรวมเล่มมาก่อน และระหว่างที่เสนอเข้าพิจารณารับรางวัลห้ามส่งให้นิตยสารหนังสือพิมพ์หรือสำนักพิมพ์เพื่อการตีพิมพ์
ผู้เขียนยังมีชีวิตอยู่ในวันส่งงานเข้าพิจารณารับรางวัล
ผู้เขียนคนหนึ่งมีสิทธิ์ส่งได้ไม่เกิน ๓ ชิ้น
ผู้มีสิทธิ์ส่งเข้าประกวด
ประชาชนทั่วไป

เกณฑ์การส่ง

พิมพ์หน้าเดียว
ต้องส่งทั้งหมด ๕ ชุด
ผู้เขียนต้องทำสำเนาเก็บไว้เอง สถาบันฯไม่ส่งต้นฉบับคืน
กรุณาใส่ชื่อจริง นามสกุลพร้อมที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ และเบอร์โทรศัพท์(ถ้ามี)ไว้ในต้นฉบับด้วย
การส่งผลงาน
ส่งโดยตรงที่ สถาบันปรีดี พนมยงค์ เลขที่ ๖๕ / ๑ ซอยทองหล่อ (สุขุมวิท ๕๕) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๑๐ (คณะกรรมการจะนับวันที่ประทับตราไปรษณีย์ต้นทางเป็นสำคัญ)
ทางอีเมลที่ pridiinst@yahoo.com
รางวัล

รางวัลที่ ๑ โล่รางวัลชนะเลิศจากสถาบันพร้อมเงิน ๑๐,๐๐๐
รางวัลที่ ๒ โล่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ พร้อมเงิน ๘,๐๐๐
รางวัลที่ ๓ โล่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ พร้อมเงิน ๕,๐๐๐
รางวัลชมเชย ๖ รางวัล ใบประกาศเกียรติคุณพร้อมเงินรางวัลละ ๑,๐๐๐ บาท
หมายเหตุ

การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นเด็ดขาด
ผลงานที่ได้รับรางวัล สถาบันฯ ขอลิขสิทธิ์จัดพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก (ร่วมกับงานประเภทอื่น ๆของสถาบันปรีดี พนมยงค์) ภายในกำหนดเวลา ๓ ปี
กำหนดเวลา

ปิดรับเรื่องที่จะส่งเข้าพิจารณารับรางวัล วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘
ประกาศผลการตัดสินและรับรางวัล ในเดือน ธันวาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ข่าวดีสำหรับนักเขียนหญิง เชิญส่งผลงานเข้าประกวดรางวัลชมนาดครั้งที่ 5 มีเวลาส่งถึง ก.พ. 2559

ขอเชิญนักเขียนหญิงทั่วไทย ร่วมส่งผลงานเขียนเข้าประกวดรางวัล ชมนาดครั้งที่ 5

  นักเขียนหญิงทั้งหลาย อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า มาส่งเรื่องเข้าประกวดรางวัลชมนาดกันดีกว่า
มีพล็อตเรื่องดีๆ โดยเฉพาะเรื่องที่สามารถสื่อสารให้สังคมเข้าใจผู้หญิงมากยิ่งขึ้น หากมีเวลา มีพล็อต มีฝีมือก็ส่งเข้าประกวดได้เลย มีเวลาให้ส่งจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2559

อ่านรายละเอียดการส่งประกวดให้เข้าใจทะลุปรุโปร่งก่อนลงมือเขียนและส่งไปนะจ๊ะ
ขอให้โชคดีทุกท่าน

บริษัท สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น จำกัด ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ขอเชิญนักเขียนสตรีไทย ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดรางวัลชมนาด ครั้งที่ 5 : Chommanard Book Prize ครั้งที่ 5 (NON-FICTION) ชิงเข็มกลัดสัญลักษณ์รางวัลชมนาด ล้อมเพชรแท้ ทรงคุณค่า พร้อมเงินรางวัล และค่าลิขสิทธิ์ในการจัดพิมพ์

หลักการและเหตุผล
  วรรณกรรมของไทยในปัจจุบันมีหลากรูปแบบและหลายประเภท งานวรรณกรรมที่มีเรื่องราว เกี่ยวข้องกับชีวิตจริงและงานเขียนสารคดีนับเป็นวรรณกรรมอีกประเภทหนึ่ง ที่ผู้อ่านให้ความสนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่สารคดีที่ประพันธ์จากชีวิตจริงที่สร้างสรรค์จากมุมมองของผู้หญิงและ ผู้ชายย่อมมีความแตกต่างกันมากกว่าความละม้ายคล้ายคลึง เนื่องจากผู้หญิงจะเก็บรายละเอียดได้ดีกว่าตามธรรมชาติของเพศแม่ แม้ว่าหลายเรื่องในชีวิตมักจะมีความเห็นคล้อยตามนักประพันธ์ชายก็ตาม อย่างไรก็ดี โลกทัศน์จากภาพรวมของผู้หญิง จะมีรายละเอียดมากกว่า ดังนั้น วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องและสะท้อนมุมมองของผู้หญิงในลักษณะดังกล่าว จึงเปรียบเสมือนการพยายามทำความเข้าใจในตัวตนของผู้หญิงในอีกมิติหนึ่ง  โครงการรางวัลชมนาด (Chommanard Book Prize) จึงเกิดขึ้นและดำเนินการสำเร็จต่อเนื่องมาถึงครั้งที่ 4 แล้ว โดยชี้ถึงความลับใต้เตียง ในเรื่องรอยวสันต์ (รางวัลชมนาดครั้งที่ 1),  อันตรายและความเจ็บปวดของหญิงขายบริการ ในเรื่องฉันคือเอรี่ กับประสบการณ์ข้ามแดน (รางวัลชมนาดครั้งที่ 2),  เรื่องราวสารพัดปัญหาของหญิงตั้งครรภ์ ผ่านประสบการณ์สูตินรีแพทย์หญิง พฤกษามาตา และเรื่องราวของผู้หญิงที่ปรารถนามีสามีเป็นชาวต่างชาติ เพราะต้องการไปใช้ชีวิตนอกประเทศจากเรื่อง ก่อนสิ้นรุ่งอรุณแห่งฝัน (รางวัลชมนาดครั้งที่ 3)  เป็นอาทิ

ด้วยความแตกต่างดังกล่าวข้างต้น ที่ผู้ชายไม่มีรายละเอียดทางประสบการณ์เช่นผู้หญิง  ผู้ริเริ่มโครงการฯ ต้องการเปิดโอกาสและให้กำลังใจนักเขียนหญิงที่มีพื้นที่อยู่ก่อนแล้วในเชิง ปริมาณ เป็นการเน้นผลงานสร้างสรรค์เชิงคุณภาพมากขึ้น และอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงผลงานรางวัลชมนาดชนะเลิศครั้งที่ 4  ชื่อเรื่อง เขาตราหน้าว่าหมอฆ่าคน โดยสนับสนุนทั้งทุนและโอกาสเฉพาะนักเขียนหญิงไทย ให้มีเวทีประกวดรางวัลวรรณกรรมประเภทสารคดีในรอบใหม่ครั้งที่ห้า  เพื่อกลุ่มเป้าหมายนักอ่านทั่วไป ทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติ ได้ประจักษ์ถึงศักยภาพของนักเขียนสตรีไทยเป็นกรณีพิเศษ

วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นวรรณกรรมสร้างสรรค์ชั้นเลิศ
2. เพื่อส่งเสริมรางวัลวรรณกรรมยอดเยี่ยมของนักเขียนหญิง
3. เพื่อสร้างเสริมและเผยแพร่ผลงานเขียนของสตรีไทยสู่ระดับชาติและสากล

ผู้สนับสนุนโครงการ (เจ้าภาพร่วม)
บริษัท สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น จำกัด ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

ประเภทของงานเขียนที่รับพิจารณาในครั้งที่ 5
งานสารคดี (Non-Fiction) โดยนักเขียนสตรีไทย ที่สร้างสรรค์เป็นอย่างเลิศ และมีความประณีตเพียงพอที่จะแปลและจัดพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ เผยแพร่ไปให้ทั่วโลกได้ชื่นชม

กติกาในการส่งผลงานเข้าร่วมประกวด
1. เป็นงานเขียนที่แต่งขึ้นใหม่ โดยสร้างสรรค์เป็นภาษาไทย  และต้องไม่เคยจัดพิมพ์เป็นเล่มที่ใดมาก่อน มีความยาวของเรื่องไม่ต่ำกว่า 100 หน้ากระดาษ A4 ขนาดตัวอักษร 16 point โดยต้องพิมพ์และส่งต้นฉบับพร้อมสำเนา รวม 2 ชุด พร้อมแผ่น CD บันทึกข้อมูล 1 แผ่น  ทั้งนี้คณะกรรมการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่ส่งคืนผลงานเข้าประกวดทุกสำเนา (รวมถึงต้นฉบับ) ไม่ว่าจะได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม
2. ไม่ได้ลอกเลียน ดัดแปลง หรือละเมิดลิขสิทธิ์ จากเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากงานสร้างสรรค์ของผู้ใด หากมีการลอกเลียน ดัดแปลง หรือละเมิดลิขสิทธิ์  ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวดและต้องเป็นผู้ที่รับผิด ชอบทางกฎหมายโดยลำพัง
3. ผลงานต้องไม่เคยส่งประกวดหรือเผยแพร่ในรูปแบบสื่อใดๆมาก่อนรวมถึงสื่อ อินเตอร์เน็ตหากมีการตรวจพบภายหลัง ผู้ส่งจะถูกตัดสิทธิ์รางวัลการประกวด และมีผลถึงการพิจารณาการส่งเข้าประกวดครั้งต่อไป
4. ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดมีสิทธิ์ส่งผลงานได้เพียง 1 เรื่อง
5. ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจะต้องมีชีวิตอยู่ขณะที่ส่งผลงาน
6. กรณีใช้นามปากกาหรือนามแฝง ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดต้องแจ้งชื่อ นามสกุลจริง ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้สะดวกเพื่อประโยชน์ในการติดต่อ กับโครงการฯ
7. ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รวมถึงผลงานอื่น ๆ ที่เข้ารอบพิจารณาตัดสิน บจก. สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น สงวนสิทธิ์ในการจัดพิมพ์และเผยแพร่เป็นแห่งแรก ทั้งภาษาไทย และที่พิเศษคือภาษาอังกฤษ (เฉพาะเล่มที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ) โดยจะอยู่ในสัญญาลิขสิทธิ์เป็นระยะเวลา 5 ปี
8. คณะกรรมการไม่รับพิจารณาผลงานที่ส่งเข้าประกวดของพนักงานบริษัทฯ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
9. หากมีการตัดสินให้มีผลงานที่ได้รับรางวัลนอกเหนือจากรางวัลที่ได้กำหนดไว้  สำนักพิมพ์ขอสงวนสิทธิ์ในการเป็นผู้จัดพิมพ์และเผยแพร่ ทั้งนี้บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการมอบรางวัลชนะเลิศหรือไม่ก็ได้ กรณีผลงานที่ส่งเข้าประกวดไม่ผ่านมาตรฐานการตัดสินของคณะกรรมการ
10. การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นเด็ดขาด แต่อย่างน้อยจะมีรางวัลรองชนะเลิศ จากผลงาน 5-9 เรื่องสุดท้ายที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการตัดสินได้
11. ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์การจัดพิมพ์เรื่องที่ส่งเข้าประกวดทุกเรื่องก่อนสำนักพิมพ์อื่นโดยทางบริษัทฯ ยินดีจ่ายค่าลิขสิทธิ์ตามสัญญาลิขสิทธิ์อันเป็นมาตรฐาน

รางวัลในการประกวด
1. รางวัลชนะเลิศ 1 รางวัล “รางวัลชมนาด” จะได้รับการประดับ “เข็มกลัดสัญลักษณ์รางวัลชมนาด ล้อมเพชรแท้” ทรงคุณค่า พร้อมเงินรางวัลจำนวน 70,000 บาท และค่าลิขสิทธิ์ในการจัดพิมพ์เป็นเล่มทั้งภาคภาษาไทยและอังกฤษ ตามมาตรฐานค่าตอบแทนลิขสิทธิ์ ของแต่ละประเทศ
2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับเกียรติบัตรชมเชย จากโครงการ Chommanard Book Prize พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท และต้นฉบับจะได้รับการจัดพิมพ์เผยแพร่เพียงภาษาเดียว พร้อมค่าลิขสิทธิ์ตามมาตรฐานไทย
3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จะได้รับเกียรติบัตรชมเชย จากโครงการ  Chommanard Book Prize พร้อมเงินรางวัล  30,000 บาท  และต้นฉบับจะได้รับการจัดพิมพ์เผยแพร่เพียงภาษาเดียวพร้อมค่าลิขสิทธิ์ตาม มาตรฐานไทย

ระยะเวลาของโครงการครั้งที่ 5

เตรียมโครงงานและประชาสัมพันธ์ กรกฎาคม – สิงหาคม 2558
แถลงข่าว 29 กรกฎาคม 2558
เปิดพิจารณาผลงาน 1 สิงหาคม 2558 – 29 กุมภาพันธ์ 2559
คัดเลือกผลงาน 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2559
ตัดสินผลงาน พฤษภาคม – มิถุนายน 2559
ประกาศผลรางวัล ปลายกรกฎาคม 2559
หมายเหตุ
1.วันสิ้นสุดการรับผลงาน 29 กุมภาพันธ์ 2559 โดยพิจารณาจากตราประทับของไปรษณีย์เป็นหลัก
2.ส่งผลงานได้ 2 ช่องทางคือ ทางไปรษณีย์และด้วยตัวเอง ณ จุดรับผลงาน (โดยยืนยันจากตราประทับลงวันที่รับเอกสารเป็นหลัก)
3.หากมีความจำเป็น ทางคณะผู้จัดงานขอสงวนสิทธิ์ในการขยายระยะเวลาการรับพิจารณาต้นฉบับด้วย

การพิจารณาผลงาน
1. คัดเลือกและตัดสินผลงานโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะไม่มีการเปิดเผยชื่อ กรรมการคัดเลือกและตัดสินก่อนการประชุมลงมติที่ได้ข้อสรุปชัดเจนแล้ว
2. ระยะเวลาตัดสินงานที่คัดเลือกเข้ารอบแล้วจำนวน 5-9 เรื่อง และวันประกาศผลรางวัลต่อสาธารณะ จะประชุมตกลงยืนยันร่วมกัน หากมีการเปลี่ยนแปลงจากกำหนดการข้างต้นในกลุ่มคณะกรรมการอีกครั้ง ว่าจะเป็นกาลเทศะใด

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้ผลงานสารคดีสร้างสรรค์ชั้นเลิศ รางวัลชนะเลิศ 1 รางวัล รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัล
2. ได้ส่งเสริมรางวัลสารคดียอดเยี่ยมเฉพาะนักเขียนสตรี
3. ได้สร้างเสริมและเผยแพร่ผลงานเขียนของสตรีไทยสู่ระดับชาติและสากล

สถานที่ส่งผลงาน และประสานงานโครงการ

โครงการ Chommanard Book Prize ครั้งที่ 5
บริษัท สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น จำกัด
222 ถนนพุทธมณฑล สาย 2 (บุษราคัม เทอเรส สาย 2)
แขวงศาลาธรรมสพน์  เขตทวีวัฒนา
กรุงเทพมหานคร  10170
โทร. 02 448 0312 , 02 448 0658-9
โทรสาร 02 448 0393
www.praphansarn.com

ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์
http://contestwar.com/contest/5533


กลับสู่ google 


วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558



Junko  ขอเสนอ
สติ๊กเกอร์ไลน์ล่าสุด "ตี๋น้อย" 
TEE NOY sticker line
น่ารัก กวน เกรียน  
มีติด LINE ไว้นะฮะ 
โหลดเลย  



วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

10 ข้อกฎหมายลิขสิทธิ์ที่ชาวเน็ตเสี่ยงต่อการทำผิด ! อ่านดีๆ ก่อนแชร์ก่อนใช้


คนใช้เน็ตควรเพิ่มความระวังการใช้ข้อมูลของคนอื่นให้มากขึ้น  เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์ออกมาแล้ว โดยเน้นจัดการพวกที่ใช้ข้อมูลของคนอื่นเพื่อหาผลกำไรหรือผลการค้า หากใช้เพื่อความรู้ เพื่อบอกต่อโดยเจตนาดี ไม่หวังผลประโยชน์ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่อย่างไรก็ตามลองอ่านกฎหมายลิขสิทธิ์กันก่อน เพื่อทำความเข้าใจให้ดีก่อนแชร์ก่อนใช้

กฎหมายลิขสิทธิ์ออกแล้ว !  10 ข้อที่ต้องระวังดังนี้ 

1.ลิขสิทธิ์คุ้มครองอะไรบ้าง มีอะไรที่เราสามารถเอามาใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือไม่

ตอบ ลิขสิทธิ์คุ้มครองงานสร้างสรรค์ เช่น บทความ หนังสือ ซอฟต์แวร์ เพลง รูปภาพ ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพข่าว ภาพยนตร์ ละคร เป็นต้น แต่ข้อเท็จจริงต่างๆ รวมทั้งข่าวประจำวันทั่วไปในส่วนของข้อเท็จจริงที่รายงานเพียงแค่ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ไม่เข้าข่ายงานอันมีลิขสิทธิ์ เราจึงสามารถเอามาใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

2. เราสามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์หรือเพลงจากอินเทอร์เน็ตมาฟังและแชร์ต่อให้เพื่อนได้ไหม

ตอบการดาวน์โหลดถือเป็นการทำซ้ำที่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์กรณีเว็บไซต์ลิขสิทธิ์ที่เจ้าของลิขสิทธิ์อนุญาตให้ดาวน์โหลดได้ฟรี ก็สามารถดาวน์โหลดได้ แต่ไม่สามารถแชร์ต่อได้ ส่วนกรณีเว็บไซต์ที่ให้บริการโดยเก็บค่าใช้จ่ายในการดาวน์โหลด เมื่อผู้ใช้เสียค่าบริการแล้ว จึงจะดาวน์โหลดมาเพื่อรับชมหรือรับฟังได้ แต่ไม่สามารถแชร์ต่อได้เช่นกัน

3. การก๊อปปี้บทความหรือรูปภาพจากเว็บไซต์มาใส่เฟสบุ๊คของเราหรือแชร์ต่อทางไลน์ ทำได้หรือไม่

ตอบ บทความหรือรูปภาพเป็นงานลิขสิทธิ์ การนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการก๊อปปี้หรือแชร์ต่อ ควรพิจารณาประกอบกับเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้เนื้อหาของเว็บไซต์นั้นๆ ว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ถ้านำมาใช้ในปริมาณน้อย เช่น 1 ถึง 2 ภาพที่ไม่ได้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ (economic value) อย่างมีนัยสำคัญและไม่ได้เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือหากำไรโดยมีการแสดงที่มาของบทความหรือรูปภาพก็อาจถือว่าเป็นการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม(fair use) ไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

4. การนำงานมาใช้และเผยแพร่โดยอ้างอิงที่มาหรือให้เครดิตผู้สร้างสรรค์เพียงพอหรือไม่ที่จะไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

ตอบการนำงานมาใช้และเผยแพร่ต้องอ้างอิงที่มาหรือให้เครดิตเสมอ จึงจะไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และต้องเป็นกรณีที่ไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์รวมทั้งต้องไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควรด้วย

5. การแฮ็กหรือหลบเลี่ยงมาตรการทางเทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงงานลิขสิทธิ์ เช่น รูปภาพหรือคลิปวีดิโอบนอินเทอร์เน็ต และลบลายน้ำดิจิทัลออก และปรับแต่งรูปภาพหรือคลิปวีดิโอและโพสต์ไว้บนเว็บไซต์ของเรา มีความผิดอย่างไร และมีโทษเท่าใด

ตอบ การแฮ็กหรือหลบเลี่ยงมาตรการทางเทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงงานลิขสิทธิ์โดยรู้อยู่แล้วว่าการกระทำดังกล่าวอาจจูงใจหรือก่อให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงถือว่ามีความผิดฐานละเมิดมาตรการทางเทคโนโลยีและหากทำการลบลายน้ำดิจิทัลออกโดยรู้อยู่แล้วว่าการกระทำนั้นอาจจูงใจให้เกิด ก่อให้เกิด ให้ความสะดวก หรือปกปิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ถือว่ามีความผิดฐานละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ ส่วนการปรับแต่งรูปภาพหรือคลิปวีดิโอของผู้อื่นและโพสต์ไว้บนเว็บไซต์ของเราโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์นั้นมีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์โดยการดัดแปลงและเผยแพร่งานลิขสิทธิ์นั้นต่อสาธารณชน

โทษฐานละเมิดลิขสิทธิ์ปรับ20,000 บาทถึง 200,000 บาท
เพื่อการค้า 100,000 ถึง 800,000 บาท หรือจำคุก 6 เดือนถึง 4 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

โทษฐานละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิและมาตรการทางเทคโนโลยี ปรับ 10,000 บาทถึง 100,000 บาท
เพื่อการค้า ปรับ 50,000 ถึง 400,000 บาท หรือจำคุก 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. การก๊อปปี้ภาพหรือบทความจากอินเทอร์เน็ตมาใช้ในลักษณะอย่างไรจึงจะต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ และอย่างไรจึงไม่ต้องขออนุญาต

ตอบ กรณีที่ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ เช่น การนำภาพหรือบทความนั้นไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เป็นต้น กรณีที่ไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ ต้องเป็นการใช้ในปริมาณพอสมควร เช่น นำมาใช้ในการวิจัยหรือศึกษางานซึ่งไม่ใช่เพื่อหากำไร ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท ใช้ในการติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น ใช้ในการเสนอข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น และใช้ในการเรียนการสอน เป็นต้น

7. การทำบล็อกแล้ว embed โพสต์ของยูทูปมาไว้ที่บล็อกของเรา ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่

ตอบ การทำบล็อกแล้ว embed โพสต์ของยูทูปมาไว้ที่บล็อกของเรา ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวถือเป็นการทำซ้ำงานลิขสิทธิ์ในบล็อกและถือเป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชนด้วย ซึ่งสิทธิในการทำซ้ำและสิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์ต่อสาธารณชน เป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของเจ้าของลิขสิทธิ์

ในกรณีของการแชร์ลิงค์ (link) เพื่อแนะนำและบอกที่มาของเว็บไซต์ ก็อาจไม่เข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์

8. หากซื้อซีดีเพลง หนังสือ หรือรูปภาพมาอย่างถูกต้อง เมื่อใช้แล้วจะนำออกขายต่อได้หรือไม่ กรณีซื้อโดยดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ ภาพยนตร์ เพลงจากเว็บไซต์ จะขายต่อได้หรือไม่

ตอบ การซื้อซีดีเพลงหรือรูปภาพ ผู้ซื้อได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในแผ่นซีดีหรือรูปภาพนั้น จึงสามารถนำออกขายต่อได้ แต่ผู้ซื้อไม่สามารถทำสำเนางานเพื่อนำออกขายได้ เนื่องจากสิทธิในการทำซ้ำและการนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของเจ้าของลิขสิทธิ์ สำหรับกรณีการซื้อมาโดยวิธีการดาวน์โหลดนั้น เป็นการที่เจ้าของลิขสิทธิ์อนุญาตให้ใช้สิทธิ (License) ดังนั้น ไม่สามารถนำไฟล์งานดังกล่าวออกขายต่อได้

9. ผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ต (ISPs) เช่น YouTube Google True DTAC จะมีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยหรือไม่ หากผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตอัพโหลดหนังหรือเพลงละเมิดลิขสิทธิ์

ตอบ ผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ต (ISPs) ไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์หากให้ความร่วมมือกับเจ้าของลิขสิทธิ์ในการนำงานละเมิดออกจากเว็บไซต์ตามคำสั่งศาล

10. จะทำอย่างไรเมื่อมีคนนำงานลิขสิทธิ์ของเราไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

ตอบ เมื่อพบว่ามีการละเมิดเกิดขึ้น เจ้าของลิขสิทธิ์อาจแจ้งเตือนให้ผู้กระทำละเมิดหยุดการกระทำดังกล่าว หรือเจ้าของลิขสิทธิ์อาจไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาล หรืออาจขอให้มีการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทโดยใช้บริการไกล่เกลี่ยของกรมทรัพย์สินทางปัญญาหรือศาล

(ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1438664531&grpid=00&catid=00)

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ตลาดหนังสือการ์ตูนซบเซา ลดยอดพิมพ์เตรียมปรับกลยุทธ์ไปเน้นขาย e book แทน


  แฟนการ์ตูนอ่านข่าวนี้คงเศร้า เมื่่อค่ายการ์ตูนยักษ์ใหญ่อย่างวิบูลย์กิจ ออกมาเปิดเผยว่า ปัจจุบันการ์ตูนถูกละเมิดลิขสิทธิ์อ่านฟรีทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ยอดขายการ์ตูนลดต่ำลง อีกทั้งยังต้องแบกค่าต้นทุน ค่าลิขสิทธิ์ ทำให้ไม่สามารถจะแบกต้นทุนได้อีกต่อไป จำต้องลดยอดพิมพ์และหันไปเน้นจำหน่ายผ่าน e-book แทน
 ใครที่เป็นแฟนการ์ตูน อย่าลืมอุดหนุนกันนะ

อ่านข่าวทั้งหมดได้ทาง voice tv
http://news.voicetv.co.th/thailand/236610.html

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ข้าบดินทร์ ฉบับอีบุ๊ค ราคาสุดคุ้ม !



ข้าบดินทร์
ดูละครไม่ทันใจ ซื้อหนังสือฉบับอีบุ๊ค ไปอ่านดีกว่า
จากสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม 
ราคา 500 บาท ลดเหลือเพียง 399 บาท !


สั่งซื้อราคาอีบุ๊คสุดประหยัดได้ที่นี่เลย

http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=81104112-50cd-4d41-b386-69d3086fe5a2&affiliateCode=2e1ce5900bcd4de0b10be0d21f207cc6


เรื่องย่อละครเรื่องข้าบดินทร์
    ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ เหม เป็นบุตรชายคนเดียวของ พระยาบริรักษ์ ผู้มีหน้าที่คอยดูแลจัดเก็บค่าระวางจากเรือที่ขนสินค้าที่เข้ามาในประเทศสยามโดยวัดจากความกว้างของปากเรือ ส่วนมารดาคือ คุณหญิงชม ซึ่งมีเชื้อสายมอญคลองบางหลวง เหมเป็นเด็กหนุ่มที่มีรูปงาม ผิวเนื้อเหลืองดั่งทองจนได้ชื่อว่าพ่อเหมรูปทอง เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในบ้าน เหมมีความสนใจใคร่รู้ในเรื่องของชาววิลาศ (อังกฤษ) อย่างมาก เพราะในเมืองปากน้ำมีพวกฝรั่งวิลาศมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นเมืองท่าสำคัญ ในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปต่างพากันหวาดกลัวพวกวิลาศ เพราะเห็นว่ารูปร่างหน้าตาสีผมสีผิวแตกต่างจากคนทั่วไป

    ในการแข่งว่าวชิงเงินเดิมพันที่เมืองปากน้ำ สมิงสอดน้อย นำว่าวกุลา (จุฬา) ของตนขึ้นแข่งกับว่าวของนักเลงคนอื่นๆ และสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย เหมกับพวกนำว่าวปักเป้าของตัวเองมาท้าประลองวางเดิมพันกับสมิงสอดน้อย สมิงสอดน้อยชะล่าใจ คิดว่าเด็กอย่างเหมไม่น่ามีพิษสงอะไรจึงรับคำท้าของเหม แต่ผลการแข่งขันกลับออกมาว่าเหมเป็นฝ่ายที่สามารถตัดสายป่านว่าวของสมิงสอดน้อยได้สำเร็จ สมิงสอดน้อยจึงทั้งเสียหน้าและเสียเงินพนันให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างเหมจนได้ เหมไปเรียนวิชาทำสายป่านว่าวให้คมมาจาก ลุงรี แขกที่มารับใช้ แหม่มมาเรีย ฝรั่งชาววิลาศในเมืองปากน้ำ เหมกับแหม่มมาเรียสนิทสนมกันจนเหมได้เรียนรู้ภาษาวิลาศจากแหม่มมาเรียไปด้วย
   
    พระยาบริรักษ์ปรึกษากับคุณหญิงชมเรื่องที่ได้ยินข่าวลือว่าเหมไปทำตัวสนิทสนมกับพวกวิลาศ จึงเรียกตัวเหมมาสอบถามให้รู้เรื่อง เหมก็แก้ตัวไปว่าต้องการเรียนภาษาวิลาศเพื่อมาแบ่งเบาภาระของพระยาบริรักษ์ที่มีหน้าที่ต้องติดต่อกับพวกวิลาศเป็นประจำ พระยาบริรักษ์เจอลูกประจบเข้า ก็พูดไม่ออก แต่ในใจจริงแล้วไม่อยากให้เหมไปสนิทสนมกับพวกวิลาศนัก เพราะท่านมีความคิดฝังหัวว่าพวกวิลาศไม่ได้มาดี แต่จะมาเอาชาวสยามไปเข้ารีต หรือไม่ก็หวังจะมายึดครองประเทศแบบเดียวกับที่กำลังรุกรานพม่าอยู่ในขณะนั้น คุณหญิงชมแนะให้พระยาบริรักษ์นำตัวเหมไปฝากเรียนวิชากับพระครูโพ เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ เพื่อจะได้รับราชการต่อไปภายหน้า อีกทั้งก็ยังสามารถแยกเหมออกมาจากพวกวิลาศได้ด้วย พระยาบริรักษ์ก็เห็นด้วยกับความคิดของคุณหญิง

เหมไม่อยากไปเรียนหนังสือที่วัด เพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ต้องการให้เหมอยู่ห่างจากพวกวิลาศ จึงชักชวนให้ บุษย์ ลูกสมุนคนสนิท พากันหนี แต่ก็ถูกไล่ตามจับตัวมาจนได้ บุษย์จะถูกลงโทษ เหมขอร้องไว้ คุณหญิงชมจึงตัดสินใจให้ทั้งเหมและบุษย์ไปเรียนหนังสือที่วัดด้วยกัน เมื่อไปถึงที่วัด ท่านพระครูโพตรวจดวงชะตาของเหมแล้ว ก็รู้ว่าชีวิตของเหมจะต้องผ่านบททดสอบอย่างหนักเหมือนทองคำที่ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มากมายกว่าจะเป็นทองรูปพรรณอันงดงาม ท่านพระครูถามเหมว่าอยากเรียนวิชาการต่อสู้หรือไม่ แต่พระยาบริรักษ์ต้องการให้เหมเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    พระยาบริรักษ์ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ด่านท่าเรือตามปกติ หลวงสรอรรถ เข้ามาเจรจากับพระยาบริรักษ์เพื่อขอให้ลดค่าระวางปากเรือให้กับเรือของกะปิตันฝรั่ง แต่พระยาบริรักษ์ไม่ยอม เพราะไม่ไว้ใจชาววิลาศกับหลวงสรอรรถเป็นทุนเดิม เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์ที่กะปิตันแมคโดแนลลักลอบนำสินค้าหลบหนีภาษีเข้ามาในสยาม ขณะที่หลวงสรอรรถก็เข้ามาติดต่อกับพระยาบริรักษ์เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงภาษี หลวงสรอรรถไม่พอใจที่พระยาบริรักษ์ไม่ยอมช่วยเหลือ จึงคิดจะไปเข้าหาเจ้าพระยาพระคลังเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็รู้ดีว่ายากที่จะสำเร็จ เพราะเจ้าพระยาพระคลังเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่เด็ดขาด หลวงสรอรรถบังเอิญได้พบกับขบวนของหลานสาวท่านเจ้าพระยาพระคลังทั้งสามคน อันได้แก่ ทับทิม บัว และ ลำดวน หลวงสรอรรถนึกชอบใจในความงามของบัวซึ่งกำลังจะได้แสดงเป็นนางสีดาที่ตำหนักอัมพวาแทนทับทิมที่กำลังจะแต่งงานกับหมื่นพิพิธภูบาล จึงคิดจะเข้าทางหาเจ้าพระยาพระคลังโดยผ่านทางบัว

    หลวงสรอรรถไปเยี่ยมเจ้าพระยาพระคลัง พร้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้โดยอ้างว่านำมาให้ใช้ในงานแต่งงานของทับทิม   และกำไลข้อมือมากำนัลแด่หลานสาวของท่าน         แต่เจ้าพระยาพระคลังรู้ทันว่าหลวงสรอรรถต้องการอะไร จึงปฏิเสธไปอย่างไม่ไยดี หลวงสรอรรถได้แต่กลับไปอย่างหงุดหงิดที่ไม่มีอะไรสำเร็จสักอย่าง ปิ่น มารดาของสามสาว กับทับทิมสงสัยว่าหลวงสรอรรถจะมาชอบพอบัว แต่ก็เห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะหลวงสรอรรถนั้นมีภรรยาหลวงอยู่ก่อนแล้ว

    เหมเริ่มปรับตัวได้ จึงเรียนหนังสือได้อย่างรวดเร็ว ช่วงบ่ายๆ ระหว่างที่พระครูโพจำวัด เหมก็มักจะใช้เวลาไปเที่ยวเล่นในบริเวณวัดเพียงลำพัง ขณะที่เจ้าบุษย์แอบหลบไปจีบแม่แสงเนย ลูกสาวของจีนจู๊ เหมบังเอิญเห็นกลุ่มนายทหารที่ซุ่มฝึกซ้อมวิชาดาบอยู่ในดงตาลหลังป่าช้า จึงแอบเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในกลุ่มนายทหารที่ซุ่มซ้อมดาบนั้น มีสมิงสอดน้อยที่เคยแพ้พนันว่าวกับเหมรวมอยู่ด้วย เหมถูกจับได้ว่ามาแอบดู พุ่ม ชายพิการร่างแคระ หลานของพระครูโพช่วยขอร้องให้ปล่อยเหมไป แต่สมิงสอดน้อยยังแค้นเรื่องเก่าอยู่ ไม่ยอมปล่อยไปเปล่าๆ จึงท้าให้เหมมาสู้กัน ถ้าเหมแพ้ จะต้องถูกตัดลิ้น เหมฮึดสู้กับสมิงสอดน้อยจนสามารถทำร้ายสมิงสอดน้อยได้แต่ก็พ่ายไปในที่สุด สมิงสอดน้อยยอมปล่อยเหมไป ขรัวปู่ยม ผู้ฝึกสอน

เหล่าสมิงเห็นแววในตัวของเหม จึงอาสาจะฝึกสอนวิชาดาบอาทมาตให้กับเหม  เหมนั้นแม้จะกลัวพ่อกับแม่รู้ แต่อีกใจก็อยากเรียน จึงตกลงมาขอเป็นศิษย์ด้วยอีกคน

    บุษย์ได้ยินมาว่าแหม่มมาเรียไม่สบายหนัก เหมจึงหาโอกาสตอนที่คุณหญิงชมไปทำบุญที่วัด ลักลอบออกไปเยี่ยมแหม่มมาเรียที่บ้าน แหม่มมาเรียนั้นป่วยเป็นโรคฝีในท้อง จึงต้องใช้ฝิ่นเพื่อบรรเทาอาการปวด ทว่าพระยาบริรักษ์ บิดาของเหมนั้นตั้งข้อรังเกียจสินค้าชนิดนี้ ดังนั้น ไมเคิล เจเมสัน สามีของแหม่มมาเรีย จึงต้องแอบนำฝิ่นเข้ามาอย่างยากลำบาก หลายครั้งแหม่มมาเรีย จึงต้องเจ็บปวดทุรนทุรายเนื่องจากมีฝิ่นไม่พอบรรเทาอาการปวด แต่ถึงกระนั้นแหม่มมาเรียก็ยังเอ็นดูเหม และสอนภาษาวิลาศให้กับเหมด้วยความเต็มใจ ขากลับ เหมกับบุษย์ได้พบกับลำดวนที่แอบปีนต้นไม้ขึ้นไปดูเหมเข้าไปในบ้านของพวกวิลาศแล้วลงมาไม่ได้ เหมกับบุษย์จึงช่วยกันพาตัวลำดวนลงมา บัวกับพวกบ่าววิ่งตามมาหาลำดวนจนเจอ บัวเห็นหน้าเหมเข้าก็ประทับใจในความรูปงามของเหมทันที ลำดวนเปรยกับบัวว่าอยากมีพี่ชายใจดีแบบเหมบ้าง บัวเขินอาย นึกถึงแต่หน้าของพ่อเหมรูปทองตลอดเวลา

    ในวันงานแต่งงานของทับทิมกับหมื่นพิพิธภูบาล มีคนใหญ่คนโตมาร่วมงานกันคับคั่ง รวมทั้งพระยาราชสุภาวดี (ซึ่งภายหลังจะได้เป็นเจ้าพระยาบดินทรเดชา) พระยาบริรักษ์พาเหมกับคุณหญิงชมมาร่วมงานด้วย ระหว่างที่นั่งสนทนากันประสาผู้ใหญ่ พระยาราชสุภาวดีนำข่าวมาแจ้งว่ามีพระบรมราชโองการให้เหล่าขุนนางระมัดระวังตัวให้ดีเวลาติดต่อกับพวกวิลาศ เนื่องจากทางพม่าเพิ่งจะเสียเมืองยะไข่กับตะนาวศรีให้พวกวิลาศไป ฉะนั้นอย่าทำอะไรที่พวกวิลาศจะใช้เป็นข้ออ้างในการยึดครองเมืองได้ โดยเฉพาะพระยาบริรักษ์ซึ่งเคยมีเรื่องวิวาทกับพวกวิลาศบ่อยๆ พระยาบริรักษ์จำใจต้องรับปากเพราะว่าเป็นพระบรมราชโองการ จึงขัดขืนไม่ได้

    เหมกับบุษย์ไปเดินดูรอบๆ งาน และได้พบกับ คุณชายช่วง บุตรชายคนโตของพระยาพระคลัง คุณชายช่วงมีความสนใจในภาษาวิลาศเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าเหมรู้ภาษาวิลาศจึงให้ความสนใจอย่างมาก ลำดวนมาเจอกับเหม เหมพูดคุยเล่นหัวกับลำดวนอย่างสนิทสนม ลำดวนดีใจที่มีพี่ชายที่ใจดีเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ระหว่างเดินกลับขึ้นเรือน เหมกับพระยาบริรักษ์เกือบมีเรื่องกับหลวงสร-อรรถ แต่โชคดีที่ได้คุณชายช่วงมาช่วยไว้ทันเวลา หลวงสรอรรถได้แต่แค้นใจที่ทั้งพระยาบริรักษ์และเหมดูจะเป็นศัตรูกับเขาไปทั้งสองคน ด้านคุณปิ่นเห็นหน้าเหมแล้วนึกชอบใจ จึงคิดจะจับคู่ให้เหมกับบัว จึงให้แม่สื่อไปทาบทามขอวันเดือนปีเกิดของเหมมา ด้านพระยาบริรักษ์เองก็ไม่ค่อยได้ดุด่าเหมเรื่องวิลาศอีก เนื่องจากคุณชายช่วงมีท่าทีสนับสนุนเหมให้เรียนภาษาวิลาศไว้

พระครูโพเริ่มสอนวิชาตำราพิชัยสงครามให้กับเหม ขณะที่วิชาดาบกับขรัวปู่ยมก็ก้าวหน้ามากขึ้น สมิงสอดน้อยเริ่มยอมรับในตัวเด็กหนุ่มถึงกับอาสามาเป็นคู่ซ้อมให้ สมิงสอดน้อยกำลังจะไปทัพเพราะได้ยินข่าวว่าทางกรุงศรีสัตนาคนหุตกำลังเรียกระดมพล จึงต้องขึ้นไปสอดแนมที่โคราช  เหมถูกเรียกตัวมาพบคุณชายช่วงเพราะคุณชายช่วงมีหนังสือภาษาวิลาศเล่มใหม่มาอวด เหมมาถึงเรือนตอนที่พวกสาวๆ อาบน้ำกันพอดี บัวเขินอายเมื่อรู้ว่าเหมเห็นเธอกำลังอาบน้ำอยู่ แต่จริงๆ แล้วเหมไม่ได้คิดอะไรกับบัวเลย เหมเอาขนมมาฝากลำดวน พวกบ่าวไพร่ก็เอาไปลือกันว่าเหมจะใช้ลำดวนเป็นสะพานเข้าจีบบัว ลำดวนรบเร้าให้บัวฝากใบพลูไปให้เหมเพราะอยากมีพี่ชาย บัวอิดออดแต่ยอมมอบใบพลูฝากลำดวนไปให้เหมในที่สุด บุษย์ล้อเลียนเหมว่าสาวเจ้ามีใจให้ แต่เหมกลับไม่สนใจ เพราะยังห่วงเรื่องเล่นเรื่องเที่ยวมากกว่าจะสนใจผู้หญิง

    พระยาบริรักษ์ออกไปรับเรือกำปั่นขนสินค้าของคุณไมเคิล เจเมสัน โดยมีหลวงสรอรรถมาเป็นนายหน้าเหมือนเช่นเคย สินค้าที่บรรทุกมาในระวางนั้นมีตุ๊กตากระเบื้องที่แอบซุกซ่อนฝิ่นเพื่อใช้บรรเทาอาการป่วยของแหม่มมาเรียอยู่ด้วย แต่หลวงสรอรรถกลับขนตุ๊กตาทั้งหมดไปใส่โกดังจนหมดเพราะหวังจะฮุบฝิ่นไว้เป็นของตัวเอง แล้วโทษว่าเป็นคำสั่งของพระยาบริรักษ์ มิสเตอร์เจเมสันพยายามมาติดต่อพระยาบริรักษ์เพื่อขอของคืนโดยนำสินบนมาให้ พระยาบริรักษ์ไม่พอใจ มิสเตอร์เจเมสันก็เข้าใจผิดว่าพระยาบริรักษ์จะฮุบของไว้ ทั้งคู่จึงก่อเรื่องวิวาทกันขึ้นมาอีก มิสเตอร์เจเมสันสะบักสะบอมกลับไป

    คุณหญิงชมฝันร้ายว่าฟ้าผ่าไฟไหม้กลางเรือน พระยาบริรักษ์นิ่งงันเพราะมันหมายความว่าบ้านช่องจะแตกยับอัปราภายในไม่กี่วัน แต่ก็ฝืนปลอบใจคุณหญิงชมว่าไม่ร้ายแรงอะไร ตกดึกคืนนั้นเหมได้ไปร่วมพิธีปลุกเสกของขลังกับกลุ่มของสมิงสอดน้อยที่วัด และได้รับผ้าประเจียดกับว่านเกราะเพชรไพฑูรย์ ซึ่งมีสรรพคุณทำให้หนังเหนียว จากขรัวปู่ยมมาเก็บไว้
   
    คืนเดียวกันนั้น พระพิชัยปราการคนสนิทของเจ้าพระยาพระคลัง มาตามตัวพระยาบริรักษ์ไปพบกับพระยาสมุหกลาโหมด้วยราชการด่วน ทว่าระหว่างทางไปที่เรือนของพระยาพระคลัง พระยาปลัดสมุทรปราการมาดักซุ่มเตือนภัยพระยาบริรักษ์ว่า มีผู้พบศพของมิสเตอร์เจเมสันถูกฆ่าตัดหัวหลังจากมีเรื่องวิวาทกับพระยาบริรักษ์ พระยาบริรักษ์ใจหายวาบ เพราะรู้ว่าตนเองกำลังถูกเพ่งเล็งว่าเป็นคนฆ่า ซึ่งการขัดขืนพระบรมราชโองการนั้นมีโทษถึงขั้นประหารและริบเรือน พระยาบริรักษ์จึงเร่งเดินทางกลับไปเตือนทุกคนที่บ้านให้แยกย้ายกันไปซ่อนตัวยังที่ปลอดภัย แต่ก็ไม่ทันการณ์ ทหารของพระยาสมุหกลาโหมบุกเข้ามาจับตัวพระยาบริรักษ์กับคุณหญิงชมไว้ได้ เหมที่กระโดดน้ำหนีไปได้แล้ว กลับหวนมาช่วยคุณหญิงชม แต่ก็ประดาบสู้แรงของขุนสิทธิสงคราม ทหารของพระยาสมุหกลาโหมไม่ได้ จึงถูกจับตัวไปด้วยอีกคน

พระยาบริรักษ์ คุณหญิงชมและเหม ถูกนำตัวไปขังไว้ในสถานที่คุมขังนักโทษ ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่กระนั้นพระยาบริรักษ์ก็ไม่ยอมรับว่าเป็นผู้สังหารมิสเตอร์เจเมสัน พระยาพระคลังเองก็ไม่เชื่อว่าพระยาบริรักษ์จะเป็นผู้สังหารชาววิลาศคนนั้น แต่หลักฐานหลายๆ อย่างกลับบ่งชี้ไปในทางนั้นทั้งหมด ทุกคนต่างกังวลว่าหากยังลงโทษคนที่กระทำผิดไม่ได้ พวกวิลาศอาจจะหาเรื่องทำสงครามกับประเทศสยามก็เป็นได้ พระยาปลัดสมุทรปราการมาขอร้องให้พระยาบริรักษ์เห็นแก่ชาติบ้านเมืองและส่วนรวมด้วยการยอมรับสารภาพความผิด พระยาบริรักษ์จึงยอมสารภาพ แม้จะฝืนใจเพียงใดก็ตาม แต่ความจริงแล้ว คนที่ฆ่ามิสเตอร์เจเมสันคือหลวงสรอรรถ ส่วนสาเหตุที่ฆ่าก็คือหักหลังกันเรื่องฝิ่นที่ลักลอบขนเข้ามา หลวงสรอรรถนั้นกุมความลับดำมืดของพระยาปลัดสมุทรปราการไว้     จึงบังคับให้พระยาปลัดสมุทรปราการมาเกลี้ยกล่อมให้พระยาบริรักษ์ยอมรับสารภาพแทน

    ด้านบุษย์กับ ไปล่ ผู้เป็นพ่อ หลังจากหนีรอดไปได้ ไปล่ก็คิดจะกลับมาช่วยพระยาบริรักษ์ แต่บ่าวคนอื่นๆ ไม่เห็นด้วย ต่างเข้ามารุมทำร้ายไปล่แล้วชิงเงินที่พระยาบริรักษ์แบ่งมาให้ ก่อนจะหลบหนีไป ไปล่กลายเป็นอัมพาตพูดไม่ได้ สองพ่อลูกต้องไปอาศัยพระครูโพอยู่ที่วัด สมิงสอดน้อยรู้เรื่องที่เหมถูกจับตัวไป จึงคิดจะไปชิงตัวเหมมา แต่พระครูโพกับขรัวปู่ยมห้ามไว้ บอกว่าไม่มีใครขัดขวางชะตากรรมได้ สมิงสอดน้อยจึงต้องยอมวางมือแต่โดยดี

    เมื่อทางบ้านของลำดวนรู้ข่าวของเหมกับพระยาบริรักษ์ การจับคู่ของเหมกับบัวจึงเป็นอันต้องตกไป คุณปิ่นกับ ขุนนาฏยโกศล  ผู้เป็นสามี จึงคิดจะส่งบัวเข้าไปถวายตัวในวังเสด็จในกรม เ พราะไม่ไว้ใจหลวงสรอรรถที่แวะเวียนมาบ่อยๆ บัวเองก็จำเป็นต้องตัดใจจากเหม ขณะที่ลำดวนเมื่อรู้ข่าวของเหม ก็ได้แต่นอนร้องไห้สงสารพี่ชายรูปทองที่ต้องประสบเคราะห์กรรมสาหัส
   
    คุณปิ่นพาบัวและลำดวนมาเดินตลาด ขณะเดียวกันนั้น พะทำมะรงก็พาบรรดานักโทษที่ไม่มีญาติคอยหาเลี้ยง ออกมาเดินขอทานตามถนน ซึ่งในนั้นก็มีพระยาบริรักษ์ คุณหญิงชมและเหมรวมอยู่ด้วย คุณหญิงชมเป็นลมตรงหน้าขบวนของคุณปิ่นพอดี คุณปิ่นไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือเพราะกลัวจะติดร่างแหไปด้วย บัวเองก็ไม่กล้าขัดคำสั่งมารดา ลำดวนสงสารเหมกับแม่จับใจ รีบคว้าแตงกวาไปป้อนให้คุณหญิงชมได้กินพอหายร้อน เหมกับแม่ซาบซึ้งในน้ำใจของลำดวนอย่างมาก พอคุณปิ่นตั้งสติได้ ก็กระชากตัวลำดวนกลับไปทันที

    พระยาบริรักษ์ คุณหญิงชมและเหมเดินทางเข้ามาในพระนครเพื่อฟังการตัดสินโทษ พระยาบริรักษ์ถูกตัดสินให้ทวนพระยาบริรักษ์ ๕๐ ที ริบราชบาตร แล้วเอาตัวพร้อมกับลูกเมียไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง พระยาบริรักษ์ทนการถูกลงทัณฑ์ไม่ไหว เสียชีวิตหลังจากตกเป็นตะพุ่นหญ้าช้างได้ไม่นาน ด้านสองแม่ลูกต้องถูกเกณฑ์ไปยังที่ต่างๆ เมื่อนานวันเข้า ก็หายสาบสูญไป ไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ ณ แห่งหนตำบลใด
๙ ปีผ่านไป เกิดความวุ่นวายขึ้นในเขมร พระยาบดินทรเดชาได้เกณฑ์ไพร่พลขึ้นไปยังเมืองพัตบองเพื่อตระเตรียมรับมือกับญวน ในการนี้คณะปี่พาทย์ละครของขุนนาฏยโกศลถูกเกณฑ์ตามไปแสดงให้ขุนนางผู้ใหญ่ดูด้วย คุณปิ่นไม่ได้อยากไปนักเพราะกลัวลำบาก ขณะที่ท่านขุนนาฏยโกศลนั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก เพราะมีคู่หูใหม่คือ หมื่นวิชิตชลหาญ ที่มักจะนำสุรามามอบให้ท่านขุนบ่อยๆ แต่ที่จริงแล้วหมื่นวิชิตฯ นั้นหวังจะมาพบหน้าลำดวนที่ตอนนี้ได้รำเป็นตัวนางสีดาแทนบัวที่เข้าไปถวายตัวในวังเสด็จในกรมแล้ว คุณปิ่นเข้าไปหาบัวในวังเพราะหวังว่าบัวจะสามารถช่วยทูลขอให้ยับยั้งการเดินทางได้ ทว่าชีวิตของบัวในวังนั้นไม่ได้มีความสุขสบายเหมือนที่หวังไว้ เพราะเสด็จในกรมไม่ทรงโปรดนางละคร แต่กลับทรงไปขลุกอยู่กับพวกตัวละครนอกแทน บัวจึงไม่สามารถช่วยเหลือคุณปิ่นได้ คุณปิ่นจึงได้แต่หนักใจกับการเดินทาง เพราะเกรงว่าการไปอยู่ใกล้แม่ทัพนายกองทั้งหลาย จะทำให้ลำดวนเสียชื่อเสียง หมื่นวิชิตฯ ได้ข่าวการเดินทางครั้งนี้ จึงหาทางขอเป็นคนคุมกระบวนคณะละครจากพระมหานครไปส่งที่เมืองเวียงจันทน์ เพราะหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับลำดวน

    ระหว่างการเดินทางมุ่งสู่เมืองเวียงจันทน์ หมื่นวิชิตฯ ก็หาทางเข้าใกล้ลำดวน แต่ลำดวนก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะไม่นึกชอบหมื่นวิชิตฯ ที่ดีแต่อวดเบ่งใส่คนอื่น ชอบคุยโตโอ้อวดว่าตนเป็นหลานของพระยานครนายก ในเมื่อสาวเจ้าไม่สนใจ  หมื่นวิชิตฯ   ก็เอาใจท่านขุนนาฏยโกศลแทนด้วยการนำสุราอย่างดีที่ขนมาด้วยให้ท่านขุนดื่มไม่อั้น ในขบวนดังกล่าวมีควาญช้างสองคนร่วมเดินทางมาด้วย ทั้งสองมีชื่อว่า ส่ง กับ มา นายส่งเป็นคนตาฟาง ส่วนนายมาเป็นคนหูหนวก อยู่มาวันหนึ่ง ขุนนาฏยโกศลดื่มเหล้าจนเมามายแล้วไปปีนต้นตาล ก่อนจะตกลงมาขาหักทั้งสองข้าง หมื่นวิชิตฯ ได้ยินว่ามีพวกกรมช้างนอกของ ขุนศรีไชยทิตย มาโพนช้างอยู่ละแวกเมืองโคราช จึงสั่งให้นายส่งกับนายมาไปขอความช่วยเหลือ นายส่งกับนายมาอิดออดไม่อยากไป แต่ก็ขัดหมื่นวิชิตฯ ไม่ได้ ลำดวนกับ หุ่น เพื่อนสนิท ออกไปตักน้ำด้วยกันในลำธาร ก็บังเอิญได้พบกับพวกที่มาโพนช้าง หนึ่งในนั้นก็มีเหมซึ่งมีหน้าที่เป็น “เสดียง” อยู่ด้วย แต่ลำดวนจำเหมไม่ได้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเหมเปลี่ยนไปมาก ส่วนหนึ่งเพราะเหล่าควาญช้างต้องถือกรรมซึ่งมีข้อห้ามต่างๆ มากมาย เช่น ห้ามตัดผมหรือว่าหนวดเครา ห้ามพูดจากับผู้หญิง ฯลฯ

    นายส่งกับนายมาไปตามขุนศรีไชยทิตย ปลัดในกรมพระคชบาลที่กำลังมาโพนช้างละแวกนั้นมาดูอาการของขุนนาฏยโกศล ตอนแรกขุนศรีไชยทิตยไม่คิดจะช่วยเพราะกำลังโพนช้างติดพันอยู่ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจพาพรรคพวกมาช่วยในภายหลัง ขุนศรีไชยทิตยอาสานำทางชาวคณะไปส่งที่เมืองพัตบองให้ ลำดวนกับหุ่นได้นั่งช้างตัวที่เหมเป็นคนคุมอยู่ เหมคอยดูแลและกันท่าหมื่นวิชิตฯ ให้ลำดวน ทว่าเหมกลับไม่กล้าบอกความจริงกับลำดวนว่าตนเองคือใคร     บางครั้งเหมก็เผลอพูดจาเกี้ยวพาราสีลำดวนจนต้องไปต่อกรรมกับขุนศรีไชยทิตยอยู่บ่อยๆ ลำดวนเองจากที่เคยหวาดกลัวเสดียงหน้าดุ ก็เริ่มรู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยกับเหมอย่างประหลาด ยิ่งได้รู้ว่าคุณปิ่นก็คุ้นหน้าเสดียงหนุ่ม ลำดวนก็มั่นใจว่าเขากับเธอต้องเคยรู้จักกันมาก่อนอย่าง
แน่นอน ไม่แน่ว่าเสดียงหนุ่มอาจจะเป็นพี่เหมที่เธอผูกพันด้วยอย่างมาก ด้านหมื่นวิชิตฉวยโอกาสตอนที่ลำดวนเดินไปทำธุระในทุ่ง ตั้งใจจะเข้าไปลวนลาม เหมเห็นเข้าพอดี จึงลอบทำร้ายหมื่นวิชิตฯ เพื่อเป็นการสั่งสอนโดยให้ทุกคนเข้าใจว่าหมื่นวิชิตฯ ถูกผีป่าทำร้าย จนต้องทำพิธีขอขมาผีป่ากันยกใหญ่
   
    ขุนศรีไชยทิตยสังเกตเห็นรอยเท้าช้างใหม่ ก็รู้ว่าเป็นเจ้าสังข์ ช้างเชือกที่กำลังตามจับตัวอยู่ จึงสั่งให้พวกคณะละครหยุดรอระหว่างที่ไปโพนช้างกัน การโพนช้างครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ ซ้ำยังมีควาญช้างตายไปหนึ่งคน ลำดวนร้องไห้เป็นห่วงว่าเสดียงหนุ่มจะตาย แต่เหมปลอดภัยดี ลำดวนลองเรียกเสดียงหนุ่มว่าเหม เหมชะงักแล้วรีบเดินหนีไป แต่ตกดึกคืนนั้นเหมก็แอบเอาพวงมาลัยดอกลำดวนมาแขวนไว้ให้ที่เพิงพัก ก่อนจะวางแผนพาแม่โต ช้างพังคู่ใจไปเป็นนกต่อจับตัวเจ้าสังข์มาจนสำเร็จ

    หมื่นวิชิตฯ กระวนกระวายใจเพราะเรื่องลำดวนไม่มีความคืบหน้า    จึงเข้าไปทาบทามสู่ขอกับท่านขุนนาฏยโกศลกับคุณปิ่น แต่ทั้งคู่ยืนยันว่าต้องถามความสมัครใจของลำดวนก่อน หมื่นวิชิตฯ ปรึกษากับพรรคพวกเพื่อหาวิธีที่จะได้ลำดวนมาเป็นเมีย ก็ได้รับคำแนะนำให้แสดงละครหลอกโดยใช้นายส่งกับนายมาให้เป็นประโยชน์ หมื่นวิชิตฯ จึงจ้างวานให้ทั้งสองคนไปลวนลามลำดวนขณะอาบน้ำอยู่ที่ลำธาร ทว่าแผนการกลับผิดพลาดจนเหมจับได้ ควาญทั้งสองซัดทอดว่าหมื่นวิชิตฯ เป็นคนสั่งให้ทำ หมื่นวิชิตฯ ไม่ยอมรับ ซ้ำยังจับตัวควาญทั้งสองไว้เพื่อลงโทษที่ใส่ความเขาด้วยการตัดลิ้น เหมแอบเข้าไปปล่อยตัวควาญทั้งสองคนไปเพราะรู้ดีว่าหมื่นวิชิตฯ เป็นต้นคิด ขุนนาฏยโกศลเรียกเหมเข้าไปขอบคุณที่ช่วยเหลือลำดวนไว้ ก่อนจะจำได้ว่าเหมคือลูกชายของพระยาบริรักษ์ที่ถูกลงโทษให้ไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง เมื่อคุณปิ่นรู้เข้าก็ไม่สบายใจ จึงเข้ามาพูดกับเหมเพื่อให้เหมได้รู้ว่าในตอนนี้ฐานะของลำดวนกับเหมต่างกันมากเพียงใด เหมจึงได้แต่เศร้าใจในโชคชะตาของตน

    วันรุ่งขึ้นหลังจากเดินทางถึงเมืองพัตบอง ลำดวนกับเหมก็ต้องแยกย้ายกันไปตามทางของใครของมัน เหมบังเอิญได้พบกับสมิงสอดน้อย สหายเก่าที่ตอนนี้ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหลวงกำแหงพิชิต หลวงกำแหงฯ เลี้ยงดูปูเสื่อเหมอย่างเต็มที่ให้สมกับที่ไม่ได้พบกันมานาน ตกดึกคืนนั้น เหมที่มึนด้วยฤทธิ์สุรา ก็บุกบั่นไปหาลำดวนถึงที่เรือน ทั้งคู่เปิดใจให้กันและกันโดยไม่มีสิ่งใดมากั้นขวาง เหมตั้งใจว่าจะต้องลบล้างมลทินและพิสูจน์ตัวเองให้คุณปิ่นได้เห็นให้จงได้

    เจ้าพระยาบดินทรเดชามีคำสั่งให้พระศรีสิทธิสงครามเร่งจัดหานายทหารมีฝีมือเข้ามาประจำการในกองทัพ จึงได้จัดให้มีการประลองขึ้น หมื่นวิชิตฯ ก็มีชื่อในการประลองด้วย แต่หมื่นวิชิตฯ กลัวจะขายหน้าเพราะตนนั้นไม่มีฝีมือ   จึงไปนัดแนะกับครูดาบที่ตัวเองต้องประลองด้วย     แต่ก็ไม่สามารถตบตาเจ้าพระยาบดินทรเดชากับพระศรีสิทธิสงครามได้ การประลองจบไปโดยที่ยังหานายทหารที่มือฝีมือจริงๆ ไม่ได้สักคน หมื่นวิชิตฯ เห็นเหมเข้ามาชมการประลองด้วย ก็นึกหมั่นไส้ จึงแกล้งเสนอชื่อเหมให้เข้าไปประลอง

กับพระศรีสิทธิสงคราม เหมใช้วิชาดาบอาทมาตที่เรียนมาจากขรัวปู่ยมประลองกับพระศรีสิทธิสงครามจนได้รับชัยชนะ!!! เจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงรับเหมเข้าเป็นทหารในกองทัพทันที ขุนนาฏยโกศลชื่นชมในความสามารถของเหม ขณะที่คุณปิ่นก็เริ่มจะอ่อนลงนิดหน่อยแล้ว

    พระยาปลัดสมุทรปราการ เพื่อนสนิทของพระยาบริรักษ์ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ถูกเกณฑ์มาทัพในครั้งนี้ด้วย ตั้งแต่พระยาบริรักษ์เสียชีวิต เหมกับคุณหญิงชมตกระกำลำบากเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง พระยาปลัดสมุทรปราการก็ไม่เคยให้ความช่วยเหลือใดๆ ดังที่เคยให้สัญญากับพระยาบริรักษ์ไว้ เหมไม่ได้คิดแค้น แต่ชายหนุ่มก็เชื่อว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง

    เมื่อกองทัพยกมาถึงเมืองโปริสารท เหมก็ได้พบกับบุษย์ ซึ่งตอนนี้ได้ไปเป็นไพร่ในสังกัดของเจ้าพระยาพระคลัง บุษย์ทำหน้าลาดตระเวนดูลู่ทางจะนำทัพของเจ้าพระยาพระคลังมาสมทบกับทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชาเพื่อเตรียมตัวตีเมืองไซ่ง่อน แต่ก่อนหน้านั้น ทัพของทั้งสองพระยาได้ร่วมมือกันตีค่ายญวนที่ปากคลองวามะนาว เหมเป็นผู้ออกอุบายเข้าไปประชิดกำแพงเมืองแล้วเข้าตีจนค่ายของข้าศึกแตกพ่ายเป็นผลสำเร็จ ทำให้ได้รับความดีความชอบเป็นอันมาก พระยาบดินทรเดชาจึงทำหนังสือขอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ปลดเหมกับคุณหญิงชมออกจากการเป็นตะพุ่นหญ้าช้างให้

    การรบครั้งต่อมาที่เมืองโจฎก ทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชาล้อมเมืองโจฎกไว้แล้ว ขณะที่พระยาปลัดสมุทรปราการเป็นผู้คุมทัพช้างมาทำศึก แต่พระยาปลัดสมุทรปราการเคลื่อนขบวนมาอย่างเชื่องช้าเพราะความรักสบายของตัว จึงทำให้ราชการศึกเสียหายเป็นอันมาก เหมเป็นผู้ออกความคิดพิชิตค่ายเข้าตีเมืองโจฎกได้อีกครั้ง เจ้าพระยาบดินทรเดชาโกรธมากที่พระยาปลัดสมุทรปราการทำให้เสียงานเสียการ จึงมีคำสั่งลงโทษให้ตัดศีรษะพระยาปลัดสมุทรปราการเสียบประจานไว้กลางทัพ เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากนั้นก็มีการบุกเข้าตีเมืองต่างๆ อีกหลายครั้ง และไทยก็เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะเหนือญวนทุกครั้ง

    พระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสิ้นพระชนม์     เหมจึงต้องเดินทางกลับพระนครกับกองทัพเพื่อมาร่วมงานพระเมรุ เหมที่ตอนนี้ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหมื่นสุรบดินทร์ ได้กลับไปพบกับคุณชายช่วง ที่ตอนนี้มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสิทธิ์นายเวรแล้ว คุณชายช่วงดีใจมากที่เหมสามารถลบล้างมลทินให้ตัวเองได้ คุณชายช่วงเองยังคงสนใจเรื่องของวิลาศเหมือนเช่นเดิม ท่านเล่าให้เหมฟังว่านายห้างหันแตร หรือมิสเตอร์ฮันเตอร์ เจ้านายเก่าของมิสเตอร์เจเมสัน ตอนนี้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงอาวุธวิเศษประเทศพานิช และทำการค้าขายอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ กับทางสยาม ในเวลานั้น นายห้างหันแตรกำลังติดต่อมาเพื่อขายเรือกลไฟที่เดินเรือด้วยพลังจักรไอน้ำ เหมเตือนว่าให้ตรวจดูสภาพของเรือให้ดีก่อนซื้อ คุณชายช่วงพอใจมาก คิดอยากจะได้เหมมาทำงานด้วย

   
เหมกลับไปหาคุณหญิงชมที่พำนักอยู่กับครอบครัวของขุนนาฏยโกศลที่กรุงเก่า คุณหญิงดีใจมากที่เหมประกอบคุณงามความดีจนได้ปลดตะพุ่น        เหมเกริ่นกับคุณหญิงชมว่าอยากจะให้ไปสู่ขอลำดวนกับขุนนาฏยโกศล คุณหญิงเองก็ยังจำความมีน้ำใจของลำดวนเมื่อตอนที่นำแตงกวามาให้กินได้ดีอยู่ จึงยินดีกับเหมด้วย เหมเริ่มฝันว่าจะสร้างบ้านอยู่ที่กรุงเก่ากับแม่ลำดวนเมียรัก

    คุณชายช่วงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นจมื่นไวยวรนาถ และได้ขอตัวเหมมาช่วยทำงานด้วย เหมได้กลับไปเรียนภาษาอังกฤษอีกครั้งกับครูปีเตอร์     มิชชันนารีที่เดินทางมากับคณะนายแพทย์ของ แดน บีช แบรดลีย์ (หมอบรัดเลย์) แม้เหมจะเรียนภาษาอังกฤษ แต่ก็เรียนเพื่อให้รู้ทันพวกวิลาศเท่านั้น เพราะเหมไม่ไว้ใจพวกวิลาศอีกแล้วเนื่องจากประสบการณ์ที่เคยได้รับมา      เหมได้พบกับลำดวนและบัวในช่วงที่มีงานพระเมรุในพระนคร เมื่อบัวได้พบเหม ความรู้สึกเก่าๆ ก็เริ่มหวนกลับมาอีกครั้ง ฐานะของบัวในวังของเสด็จในกรมก็เริ่มจะไม่แน่นอน เนื่องจากกรมหลวงรักษรณเรศร์เองก็มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น บัวรู้สึกอิจฉาลำดวนที่ได้หัวใจของเหมไป และเฝ้าแต่คิดว่าตนเองเคยรักเหมมาก่อน ถ้าครั้งนั้นไม่ใจเร็วด่วนได้ ตัดสินใจเข้ามาถวายตัวเพราะเห็นแก่ความสุขสบายแล้วล่ะก็ ป่านนี้ก็คงได้ครองคู่อยู่กับเหมไปแล้ว เหมถูกงูมีพิษกัดระหว่างทางกลับบ้าน บังเอิญที่หมอบรัดเลย์ผ่านมาพบพอดี จึงให้ความช่วยเหลือเหมเป็นอย่างดี ทำให้เหมเริ่มคลายความระแวงสงสัยในตัวของฝรั่งวิลาศลงไปได้บ้าง

    หมื่นวิชิตฯ ต้องการเอาชนะใจลำดวน   จึงเข้ามาขอความช่วยเหลือจากบัว แต่พอพูดถึงเหม หมื่นวิชิตฯ ก็สังเกตเห็นว่าบัวมีปฏิกิริยากับชื่อนี้ จึงรู้ว่าบัวก็มีใจชอบเหมเหมือนกัน หมื่นวิชิตฯ ยุยงให้บัวทำเสน่ห์ใส่เหมเพื่อแย่งเหมมาจากลำดวน บัวถูกหว่านล้อมจนยอมทำตามที่หมื่นวิชิตฯ แนะนำ หลวงกำแหงฯ พาพุ่ม หลานชายพระครูโพที่ตอนนี้เป็นหมอดูทำเสน่ห์มาหาเหมเพื่อแจ้งข่าวหมื่นวิชิตฯ และบัวที่ไปขอให้พุ่มทำเสน่ห์ใส่ลำดวนกับตัวเหม ทั้งๆ ที่การทำเสน่ห์นั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทุกคนจึงร่วมมือกันวางแผนจับหมื่นวิชิตฯ กับบัวให้ได้คาหนังคาเขาขณะทำพิธี หมื่นวิชิตโกรธแค้นที่ถูกหลอกจึงฆ่าพุ่มตาย ก่อนจะหลบหนีไป เหมประกาศก้องว่าจะจับหมื่นวิชิตฯ มาลงโทษให้ได้เพื่อเซ่นดวงวิญญาณของพุ่ม ด้านบัวนั้นพยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเหม แต่เมื่อได้รับคำยืนยันจากเหมว่าเขาไม่เคยมีเยื่อใยใดๆ กับเธอเลย บัวรู้สึกอับอายและสำนึกผิดกับลำดวนอย่างมาก

หลังจากที่กรมหลวงรักษรณเรศร์ถูกถอดพระยศและถูกตัดสินประหารชีวิต ทุกคนในวังก็ต่างพากันแยกย้ายกันไป บัวจึงตัดสินใจตามหม่อมดวงแขไปอยู่ที่เมืองลำปาง อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาเพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้ในชาตินี้ ด้านคุณหญิงชมก็เดินทางไปสู่ขอแม่ลำดวนกับท่านขุนนาฏยโกศลกับคุณปิ่น ตอนแรกคุณปิ่นก็ทำท่าจะไม่ให้เพราะหวงลูก แต่ท่านขุนก็เกลี้ยกล่อมจนคุณปิ่นเห็นใจในความรักของหนุ่มสาว จึงยอมยกลำดวนให้เหมแต่โดยดี

คุณชายช่วง เหมและบรรดาเสนาบดีต่างๆ มารอรับเรือกลไฟที่นายห้างหันแตรนำมาส่งมอบให้สยาม แต่เมื่อเรือกลไฟมาถึงจริงๆ กลับมีสภาพเก่า ไม่เหมาะสมกับราคาที่เรียก ทางสยามจึงปฏิเสธการซื้อ ทำให้นายห้างหันแตรโกรธมาก นายห้างหันแตรพยายามหาเรื่องทางฝั่งสยาม ที่หนักสุดก็ถึงขั้นข่มขู่ว่าจะยิงสลุตไปทางพระบรมมหาราชวัง เหมจึงวางแผนให้จับตัวนายห้างหันแตรและกะปิตันบราวน์ไปขังไว้ ถ้าจะมีปัญหา
ใดๆ เกิดขึ้นตามมา เหมก็ขอรับผิดชอบเองแต่เพียงผู้เดียว เมื่อถูกปล่อยตัวออกมาก   นายห้างหันแตรและกะปิตันบราวน์โกรธมากถึงขึ้นอาฆาตเหมไว้ว่าจะต้องกลับมาจัดการกับเหมให้ได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะแล่นเรือกลไฟออกไปจากประเทศสยาม

    พระยาปากน้ำมาแจ้งกับคุณชายช่วงและเหมว่า จับตัวคนรับใช้ชาวอินเดียของมิสเตอร์เจเมสันที่ถูกฆ่าตาย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้พระยาบริรักษ์พ่อของเหมได้รับโทษได้ คนรับใช้รายนั้นสารภาพว่ามิสเตอร์เจเมสันถูกหลวงสรอรรถฆ่าตาย เพราะหลวงสรอรรถต้องการยักยอกฝิ่นที่มิสเตอร์เจเมสันลักลอบนำเข้ามาไปเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้มลทินของพระยาบริรักษ์จึงได้รับการชำระสะสาง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานบำเหน็จให้เหมเป็น “หลวงสุรบดินทร์” เพื่อตอบแทนความทุกข์ยากและประกาศถึงความจงรักภักดีของพระยาบริรักษ์ ส่วนหลวงสรอรรถที่ตอนนี้ได้ข่าวว่าไปเข้าร่วมกับจีนตั้วเหี่ยทำการค้าฝิ่นเป็นปฏิปักษ์กับทางราชการนั้น ก็ทรงมีพระราชดำรัสให้มีการปราบปรามพวกที่ค้าฝิ่นให้หมดไปโดยเร็ว

    ในที่สุด เหมก็ได้แต่งงานกับลำดวนสมที่ตั้งใจไว้   ทว่าหลังจากแต่งงานได้ไม่กี่วัน   เหมกับ หมื่นไวยวรนาถ (คุณชายช่วง) ก็ถูกเกณฑ์ไปปราบปรามพวกจีนตั้วเหี่ยและก๊กต่างๆ ที่ค้าขายฝิ่นที่เมืองสาครบุรี หลังจากปราบปรามอยู่หลายเดือน เหมกับคุณชายช่วงก็ได้ข่าวว่าหลวงสรอรรถไปยุยงพวกจีนตั้วเหี่ยและจีนเชียงทองให้แข็งข้อกับขุนนางจากพระมหานคร ทั้งคู่จึงวางแผนล้อมจับจีนตั้วเหี่ยและบรรดาก๊กต่างๆ แล้วก็ยังได้ตัวหลวงสรอรรถมาด้วย เหมแม้จะโกรธแค้นหลวงสรอรรถเพียงใดที่ทำให้พระยาบริรักษ์เสียชีวิตและทำให้ตัวเขากับแม่ต้องตกระกำลำบาก แต่เหมก็ไม่ยอมตัดสินโทษแบบศาลเตี้ย จึงส่งตัวหลวงสรอรรถไปถูกลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป

ด้านลำดวนตั้งครรภ์และคลอดลูกออกมาเป็นหญิง เหมจึงตั้งชื่อว่า “มาลัย” เพื่อเป็นตัวแทนความผูกพันของเขาที่มีต่อลำดวน หลังจากนั้นไม่นานนัก เซอร์ เจมส์ บรู๊ค ทูตคนใหม่จากประเทศเกาะบริเตนใหญ่ ก็เดินทางเข้ามาพร้อมกับหนังสือสนธิสัญญาฉบับใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขให้คนภายใต้บังคับของอังกฤษสามารถทำการค้าได้อย่างเสรี และไม่สามารถใช้กฎหมายไทยลงโทษคนเหล่านั้นได้ ซึ่งเหมไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขข้อนี้ เหมถูกลอบยิงเนื่องจากเป็นตัวตั้งตัวตีคัดค้านเงื่อนไขในสนธิสัญญา แต่เคราะห์ดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ คุณชายช่วงเป็นห่วงความปลอดภัยของเหม จึงเตือนให้เหมระวังพวกวิลาศไว้ เหล่าเสนาบดีผู้ใหญ่พิจารณาสนธิสัญญาของทูตานุทูตอังกฤษแล้ว เห็นว่าไม่เป็นธรรมกับทางสยาม จึงไม่เห็นสมควรทำตามข้อตกลง

ดังกล่าว คณะทูตของเซอร์ เจมส์ บรู๊คไม่พอใจอย่างมาก ทุกคนคาดหมายกันว่าทางอังกฤษคงจะหาเรื่องบุกสยามในไม่ช้า ขณะเดียวกัน พวกหลวงกำแหงก็บอกกับเหมว่าพบตัวหมื่นวิชิตฯ แล้ว

ทางอังกฤษนำเรือรบมาปิดปากอ่าว พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้ส่งตัวเหมไปดำเนินคดีที่เรือรบอังกฤษในคดีที่เคยลวงนายห้างหันแตรไปคุมขังไว้ เหมจึงคิดจะเสียสละตัวเองเพื่อให้ประเทศชาติอยู่รอดเหมือนเช่นที่พระยาบริรักษ์ผู้เป็นบิดาเคยทำ แม้คุณชายช่วงและเจ้าพระยาพระคลังจะทัดทาน แต่ก็ไม่เป็นผล คุณชายช่วงกลัวว่าเหมจะไปตาย จึงขังเหมไว้ในบ้านแล้วให้คนเฝ้าไว้ให้ดี เหมข่มขู่บุษย์ที่คอยเฝ้าอยู่ว่าจะตัดบ่าวตัดนายด้วย บุษย์จึงยอมปล่อยตัวเหมไป

เมื่อรู้ว่าเหมหนีไปได้ เจ้าพระยาพระคลังก็สั่งให้คุณชายช่วงไปห้ามเหมไว้ แต่เหมไม่ยอมเปลี่ยนใจ ดึงดันที่จะทำตามความตั้งใจเดิมคือไปรับการตัดสินคดีบนเรือรบของอังกฤษ กะปิตัน บราวน์ที่เคยถูกเหมจับขังไว้คราวก่อน เฝ้ารอที่จะได้แก้แค้นเหมให้สาแก่ใจ ทว่าเมื่อเรือที่นำตัวเหมไปยังเรือรบอังกฤษลอยลำอยู่กลางแม่น้ำ เหมก็ตัดสินใจกระโดดลงน้ำทั้งๆ ที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กทั้งตัว กะปิตันบราวน์สั่งให้คนค้นหาร่างของเหมให้เจอ แม้จะเป็นศพไปแล้วก็จะนำขึ้นมาลงโทษให้สมแค้นให้จงได้!!!

ทางบ้านของเหม ทั้งคุณหญิงชม ลำดวน คุณปิ่นและท่านขุนนาฏยโกศลต่างเสียใจที่เหมต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ ขณะที่ทางอังกฤษก็ไม่ละความพยายามที่จะงมหาศพของเหม แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วก็ตาม ในที่สุดทางอังกฤษก็งมหาศพของเหมจนเจอในสภาพใบหน้าเละเทะเพราะถูกปลาทะเลกัดกิน กะปิตันบราวน์สั่งให้เอาแส้มาเฆี่ยนศพจนสมแค้นแล้วจึงทิ้งร่างลงทะเลไป พระยาปากน้ำสั่งให้เก็บศพของเหมขึ้นมาประกอบพิธีทางศาสนา ทว่าพระยาปากน้ำก็สังเกตเห็นว่าใต้ท้องแขนของศพนั้น ไม่มีรอยสักที่เป็นเครื่องหมายของการโดนโทษตะพุ่นหญ้าช้าง หลวงกำแหงรีบกลบเกลื่อนด้วยการบอกว่าคงเป็นเพราะแช่น้ำทะเลนานเกินไปนั่นเอง

เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นก็คือ เหมสามารถปลดโซ่เหล็กได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากเคยเป็น “เสดียง” มาก่อน หลังจากปลดโซ่เหล็กได้และกระโดดลงน้ำไป ที่ใต้น้ำนั้นก็มี หลวงเผด็จทินกร เพื่อนทหารในกองทัพ คอยรับตัวอยู่ หลวงเผด็จฯ นั้นมีความสามารถในการดำน้ำได้นานโดยใช้ลำมะละกอและท่อผักบุ้ง หลังจากนั้นก็พากันไปซ่อนตัวอยู่ในป่าก่อน ส่วนศพที่พบในทะเลนั้น ก็คือศพของหมื่นวิชิตฯ นั่นเอง เหมกลับมาอยู่กับลำดวนอีกครั้ง โดยที่รู้ตัวดีว่าคงไม่อาจกลับเข้ารับราชการได้อีกแล้ว แต่ลำดวนก็ไม่สนใจ ขอแค่ได้มีเหมอยู่เคียงข้างกัน หญิงสาวก็สุขใจแล้ว

หลายปีผ่านไป เหมทำงานเป็นควาญช้างอยู่ในเพนียดที่กรุงเก่า คุณชายช่วงซึ่งได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ได้เดินทางมาหาเหมเพื่อขอให้เหมร่วมเดินทางไปกับคณะทูตที่จะไปถวายเครื่องราชบรรณาการแด่พระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษ แต่เหมต้องปกปิดตัวตนและไปในฐานะหมอนวดเท่านั้น เหมลังเลว่าจะตอบรับคำขอร้องของคุณชายช่วงดีหรือไม่ ลำดวนจึงสนับสนุนให้เหมเดินทางไปกับคณะทูต เหมจึงตัดสินใจออกเดินทางมุ่งสู่ประเทศอังกฤษเพื่อปฏิบัติภารกิจเพื่อประเทศชาติ แม้จะไร้ชื่อ ไร้เกียรติยศชื่อเสียงใดๆ แต่ชายหนุ่มก็ยินดีและเต็มใจทำในฐานะ ... ข้าแห่งบดินทร์!!!
ข้อมูลจากhttp://www.thaitv3.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3/336/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C.html




วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สติ๊กเกอร์ ไอ้หนุ่มเสื้อลาย สุดเกรียนมาแล้วจ้า



สติ๊กเกอร์ ไอ้หนุ่มเสื้อลาย มาแล้ววว..
กวน เกรียน น่ารัก น่าตบ 
ควรโหลดติดไลน์ไว้ส่งให้เพื่อนจอมกวนของคุณ
โหลดเค้าหน่อยนะ เค้าจะได้ไม่เสียใจ


วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558
















สนใจเล่มไหนสั่งซ์ื้อได้เลยจ้า..ราคาแสนจะย่อมเยาว์
วิมานอัสดง
สั่งซื้อได้ที่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjU1ODk4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMTc3ODMiO30

ทะเลรักดาริกา
สั่งซื้อได้ที่http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjU1ODk4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMTgxNDciO30

โลกไม่เหงาถ้าเรากอดแมว
สั่งซื้อได้ที่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjU1ODk4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMTc3NjgiO30

มีฝีมือการเขียนอย่าเก็บไว้..ขอเชิญเขียนเรื่องสั้นประกวด "รางวัลพระยาอนุมานราชธน"


 ข่าวดีสำหรับคนรักการเขียน 
มีฝีมือการเขียนอย่าเก็บไว้ นี่คืออีกหนึ่งงานประกวดที่น่าสนใจ อ่านรายละเอียดดูนะจ๊ะ  แล้วรีบคิดพล็อตเรื่อง รีบเขียน..ผู้ชนะอาจจะเป็นคุณก็ได้ !! ส่งผลงานได้ตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน 2558 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 นี้
ด่วนๆๆๆ เลยจ้า


ประกวดวรรณกรรม “รางวัลพระยาอนุมานราชธน”



มหาวิทยาลัยศิลปากร ขอเชิญนิสิต นักศึกษา และสำนักพิมพ์ ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดวรรณกรรม “รางวัลพระยาอนุมานราชธน” เนื่องในงานวันพระยาอนุมานราชธน ประจำปี 2558 มหาวิทยาลัยศิลปากร ชิงทุนการศึกษา พร้อมเหรียญรางวัลพระยาอนุมานราชธน และเกียรติบัตร

ประเภทของการประกวด
1. การประกวดหนังสือแปลดีเด่น
2. การประกวดเขียนเรื่องสั้น

การประกวดหนังสือแปลดีเด่น
ขั้นตอน
1. คณะกรรมการตัดสินจะพิจารณาคัดเลือกติดต่อสำนักพิมพ์ต่างๆ ในเดือนมีนาคม 2558
2. สำนักพิมพ์เสนอชื่อหนังสือแปลประเภทบันเทิงคดีที่ตีพิมพ์ระหว่างปี 2556 – 2557 ภายในเดือน พฤษภาคม 2558 โดยติดต่อที่งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ su-pr@su.ac.th
3. คณะกรรมการฯ จะพิจารณาและตัดสินภายในวันที่ 30 กันยายน 2558

รางวัลการประกวดหนังสือแปลดีเด่น
รางวัลชนะเลิศ 1 รางวัล เหรียญรางวัลพระยาอนุมานราชธน พร้อมเกียรติบัตร และเงินรางวัล 50,000 บาท


เขียนเรื่องสั้นประกวด "รางวัลพระยาอนุมานราชธน"

การประกวดเขียนเรื่องสั้น
ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมการประกวดเขียนเรื่องสั้น
นักศึกษาที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโทของทุกสถาบัน

ขั้นตอน

1. ผู้เข้าประกวดเขียนเรื่องสั้นเป็นภาษาไทย 1 เรื่อง ความยาวไม่เกิน 30 หน้า พิมพ์ด้วยอักษร Angsana ขนาด 16 point โดยต้องเป็นเรื่องสั้นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งในหนังสือเรื่อง “นิยายเบงคลี” ซึ่งแปลโดยเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป สามารถดาว์นโหลดได้ที่ http://www.sathirakoses-nagapradipa.org/ หรือ http://www.openbase.in.th/files/satienbook061.pdf
2. ผู้เข้าประกวดต้องเขียนสรุปเกี่ยวกับเรื่องสั้นของตนว่าได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งในหนังสือเรื่อง “นิยายเบงคลี” อย่างไร ความยาวไม่เกิน 2 หน้ากระดาษ A 4 พิมพ์ด้วยอักษร Angsana ขนาด 16 point
3. ผู้เข้าประกวดสามารถส่งเรื่องสั้นได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2558 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 ทั้งในรูปแบบของไฟล์ .doc และ .pdf โดยติดต่อที่งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ su-pr@su.ac.th พร้อมหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวนักศึกษา
4. คณะกรรมการฯ จะพิจารณาและตัดสินภายในวันที่ 30 กันยายน 2558

รางวัลการประกวดเขียนเรื่องสั้น

รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล เหรียญรางวัลพระยาอนุมานราชธน พร้อมเกียรติบัตร และทุนการศึกษา 20,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล เหรียญรางวัลพระยาอนุมานราชธน พร้อมเกียรติบัตร และทุนการศึกษา 10,000 บาท

ติดต่อสอบถาม

งานประชาสัมพันธ์ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
22 ถนนบรมราชชนนี แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170
โทร.0 2849 7564
โทรสาร 0 2849 7563

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อ่านการ์ตูนดีๆ “ใจตากับละอู” อ่านฟรี ! ที่แอป comica จ้า



        อย่าไปเชื่อว่าของฟรีไม่มีในโลก เพราะปัจจุบันของฟรีมีในโลกนี้มากมาย การ์ตูนดีๆ ก็ด้วย ใครที่ชอบอ่านการ์ตูน บัดนี้มีการ์ตูนเรื่องยาว ๆ วาดภาพสวยๆ มาให้อ่านฟรีมากมายที่แอปพลิเคชั่น Comica ใครที่ใช้มือถือระบบ android สามารถไปโหลดแอปนี้มาไว้ในเครื่อง แล้วก็เริ่มต้นอ่านการ์ตูนดีๆ ฟรีๆ ได้เลย มีหลายเรื่องหลายราวมาก

ใจตากับละอู ผลงาน น้าหมา ตะพานสูง


         วันนี้เราขอแนะนำการ์ตูนน่ารักเนื้อหาแสนดี ที่สำคัญเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ผู้ใหญ่อ่านได้ เด็กอ่านดี  ภาพวาดสีน้ำสวยงามมากๆ นั่นคือเรื่อง ใจตากับละอู ผลงานของนักวาดภาพระดับมืออาชีพนาม “น้าหมา ตะพานสูง”
ใจตากับละอู


                เรื่องราวของใจตา - เหมียวน้อยที่ถูกจับใส่กล่องมาทิ้งไว้ริมทาง กระทั่งชาวประมงเดินผ่านมาพบ แล้วเก็บไปเลี้ยงดู ความกำพร้าของเหมียวน้อย กับความเดียวดายของชาวประมง กลายเป็นครอบครัวใหม่ ที่กระทัดรัด แต่อบอุ่น ทว่าสุขนั้นไม่ยืนนาน เมื่อทะเลคลั่งพรากทั้งสองจากกัน...
เรื่องราวแสนน่ารัก

                รีบไปโหลดมาอ่าน รับประกันว่าคุณจะต้องหลงรักใจตา แมวน้อยผู้น่าสงสารอย่างแน่นอน
               Confirm!!!


         

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สติ๊กเกอร์ไอ้หนุ่มเสื้อลาย สุดเกรียนมาแล้ว





สำนักพิมพ์ Junko ฝากสติ๊กเกอร์ชุดใหม่นะฮะ
ไอ้หนุ่มเสื้อลาย 
หน้ากวน เกรียน ฮิปสเตอร์ มากๆ 
ช่วยโหลดกันด้วยนะฮะ
ขอบคุณที่สุด จาก จังโก้ 



วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

รับเขียนบทความ ! อาชีพออนไลน์เล็กๆ ที่กำลังมาแรงสำหรับคนรักการเขียน

อาชีพใหม่สำหรับคนรักการเขียน..รับจ้างเขียนบทความ

     หากคุณชอบงานเขียน นอกจากจะลองเขียนนิยายอีบุ๊คแล้ว  ยังมีอีกหนึ่งอาชีพที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบการเขียนนั่นก็คือรับเขียนบทความ
    วิธีการเริ่มต้นอาชีพนี้แสนง่ายดายมาก เพียงแต่คุณต้องชอบการเขียน และต้องเขียนหนังสือให้อ่านรู้เรื่องรู้ราว เพียงแค่นี้ก็เริ่มต้นอาชีพนี้ได้เลย เป็นอาชีพที่ไม่จำกัดเพศ และวัย ทำง่ายๆที่บ้านตัวเองได้ด้วย
cr photo :https://www.pexels.com
 
ใครจะซื้อ ?  ซื้อไปทำอะไร?

   ปัจจุบันนี้มีผู้ต้องการบทความเพื่อไปลงเว็บไซต์ ซึ่งขอบอกว่าเว็บไซต์นั้นกินเนื้อหาเยอะมาก และต้องอัพเดทเนื้อหาแทบทุกวันเพื่อให้เว็บไม่แน่นิ่งตายสนิทและขึ้นอันดับ search google  ดังนั้นบรรดาเจ้าของเว็บและเว็บมาสเตอร์จึงต้องการบทความไปลงตลอดเวลา ซึ่งบทความเว็บไซต์นั้นแตกต่างจากบทความสื่อสิ่งพิมพ์ตรงที่ว่า เนื้อหาเน้นสั้น กระชับ ส่วนใหญ่ไม่เกิน 25 บรรทัด  เพราะเกินกว่านี้คนจะขี้เกียจอ่าน นอกจากบทความนั้นจะเขียนดีและน่าสนใจหรือน่าติดตามจริงๆ  ที่สำคัญบทความจะเน้นคีย์เวิร์ด ซึ่งเรียกว่า SEO คือการเขียนคำซ้ำ ๆ กระจายในบทความ เช่น บทความเรื่อง ลดน้ำหนัก ก็จะมีคำว่าลดน้ำหนัก กระจายในบทความ 5-8 คำ เป็นต้น

     บทความ SEO สำหรับลงเว็บไซต์จะมีเนื้อหาหลากหลายมากกกกก..ขอบอก.. มีตั้งแต่สุขภาพ ความงาม เสริมสวย ท่องเที่ยว ไอที กีฬา ดูดวง หวย บอล หนัง  เสื้อผ้า แฟชั่น ของกิน อาหารเสริม ธุรกิจ การลงทุน โรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ เรียกว่ามีทุกอย่างครอบจักรวาล ดังนั้นบทความทั้งหลายแหล่ในหัวข้อเหล่านี้จึงเป็นที่ต้องการมากมายในแต่ละวัน จึงเป็นที่มาของการต้องการซื้อบทความ ซึ่งไม่เน้นคุณภาพมากขนาดข่าวเด่นประเด็นลึก แต่เน้นคุณภาพปานกลางคืออ่านรู้เรื่อง สื่อสารได้ชัดเจน

ค่าจ้างเขียนบทความ
       คุณอาจตกใจเมื่อทราบว่าค่าจ้างเขียนบทความในโลกออนไลน์นั้นราคาถูกจนแทบช็อคคือ 100 คำ 10 บาท !!! บทความหนึ่งโดยเฉลี่ยคือ 500 คำ คุณจะได้รับค่าจ้างเรื่องละ 40-50 บาท !  น้อยไปใช่ไหม? แต่ถ้าหากคุณลองพิมพ์ข้อความในโปรแกรมเวิร์ดจะพบว่า พิมพ์โน่นนี่ไม่นานเลยคุณก็จะได้ 500 คำแล้ว ถ้าวันหนึ่งคุณเขียนได้สัก 5 เรื่อง คุณก็ได้เงิน 250 บาท ถ้าเขียน 20 วัน ก็จะได้เงิน 5000 บาท ซึ่งน่าจะพอจ่ายค่าเช่าคอนโด หรือค่าน้ำค่าไฟได้สบายๆ เลยทีเดียว
      การทำอาชีพนี้เราต้องเริ่มต้นจากการไม่ดูหมิ่นเงินน้อย เงินร้อยเงินสิบ หากทำกินได้โดยสุจริตก็ทำไปเถิด

เขียนบทความอย่างไรให้ผ่าน
  ตอบแบบกำปั้นทุบหัวคือตั้งใจเขียนให้ดี วิธีการคือหาข้อมูลหัวข้อที่ต้องการเขียน โดยค้นจากกูเกิ้ลนั่นเอง ควรค้นหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ได้มาแล้วก็ไม่ใช่ว่า ก็อป และตัดแปะเนียน ๆ โดยคิดเอาเองคงไม่มีใครรู้  หากทำเช่นนั้นลูกค้าจะจับได้แน่นอน แล้วจะเลิกจ้างคุณทันที อย่าลืมว่าคนจ้างเป็นพวกเว็บมาสเตอร์ วิธีการเช็คว่าคุณไปขโมยของคนอื่นจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา  ดังนั้นหาข้อมูลมาได้แล้วจงเรี่ยบเรียงใหม่ด้วยสำนวนตัวคุณเอง  อย่าให้เหมือน อย่าให้ซ้ำกับของคนอื่นชนิดเป็นประโยคๆ ถ้าเขาจับได้ คุณจะไปไม่รอดในอาชีพนี้
   เมื่อเขียนเสร็จแล้วควรตรวจสอบคำผิดด้วย เพียงแค่นี้ก็จบสิ้นกระบวนการทำงาน

สมัครงานที่ไหน
 เสิร์ชหาได้เลยในกูเกิ้ลในหัวข้อ รับจ้างเขียนบทความ เลือกสักสองสามเว็บ แล้วก็สมัครเป็นนักเขียนบทความ บางเว็บมีทั้งจ้างคุณเขียน และเปิดโอกาสให้คุณเขียนบทความที่ถนัดไปวางขายได้อีกด้วย เห็นไหม? น่าสนใจไหมล่ะ?

เขียนดีมีงานทำ
 หลังจากรับงานมาเขียนแล้วก็อย่าคิดว่าได้เงินน้อยเขียนเขี่ยๆไปให้เสร็จ การทำเช่นนั้นจะทำให้คุณเสียโอกาสที่จะได้งานยาว ๆ

      นี่แหละอาชีพรับเขียนบทความ อาชีพเล็ก ๆ บนโลกออนไลน์ที่กำลังฮิตสำหรับคนรักการเขียน
     สนใจก็เริ่มลงมือทำกันเลย  งานเล็กๆ แบบนี้ต้องถือสุภาษิตไว้ว่า

 "อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย"
  
 เหรียญสิบ สิบเหรียญก็กลายเป็นแบงก์ร้อย 
แบงก์ร้อยสิบใบก็กลายเป็นแบงก์พัน 
แบงก์พันสิบใบก็กลายเป็นเงินหมื่น ! 

สู้ๆ นะจ๊ะ..


วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558


สติ๊กเกอร์ไลน์ ส้มจุก !!!!

      Junko publishing เพื่อนบ้านของสำนักพิมพ์ญามิตรา ผู้อ่านคงจำกันได้กับหนังสืออีบุ๊คเรื่อง "โลกไม่เหงาถ้าเรากอดแมว"ของ สนพ.junko

ถ้ายังไม่เคยซื้ออ่านขอเชิญได้นะฮะ ราคาย่อมเยาว์มากเพียง 49 บาทเท่านั้นเอง สั่งซื้อได้ที่

  ข่าวดีบัดนี้ Junko มีผลงานใหม่เป็นไลน์สติ๊กเกอร์ชุด "ส้มจุก แมวจอมกวน" ขอฝากน้องส้มจุกไว้ในอ้อมใจผู้อ่านทุกท่านด้วยนะฮะ   กราบรัวๆๆๆ

สั่งซื้อส้มจุก ตามลิงค์นี้ฮะ
http://line.me/S/sticker/1073355
 
เป็นเจ้าของสติ๊กเกอร์สุดแสนน่ารักส้มจุกกันหรือยังฮะ
อย่าลืมโหลดผมด้วยนะฮะ 

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

มาทำหนังสือนิยายอีบุ๊คขายกันเถอะ ตอนที่ 3 วางจำหน่าย

ตอนที่ 3 นำหนังสือนิยายอีบุ๊คไปวางขายกันดีกว่า 

     เมื่อคุณจัดหน้าหนังสือนิยายอีบุ๊คเล่มแรกของคุณเรียบร้อยแล้ว เราก็ควรนำนิยายอีบุ๊คผลงานชิ้นโบว์แดงของเราออกไปสู่สายตาชาวโลก เราไม่ควรเก็บไว้อ่านคนเดียวเพราะจะทำให้ไม่ก่อให้เกิดรายได้
   ปัจจุบันมีเว็บไซต์ให้คุณนำนิยายอีบุ๊คไปฝากขายหลายแห่ง แต่เว็บที่ฮิตติดอันดับในดวงใจชาวนิยายอีบุ๊คอันดับแรกเลยคือ แอ่น แอน แอ๊น.....
http://www.mebmarket.com/
   ขอบอกเลยว่าเราไม่ได้เป็นญาติติโกโหติกากับเว็บนี้แต่อย่างใด แต่ได้ลองใช้บริการฝากขายนิยายแล้ว พบว่าระบบการสมัคร การฝากขาย การจัดการ การโปรโมชั่น การจ่ายเงิน ทุกอย่างเป็นระบบการจัดการที่ดีมาก จะมีการอธิบายการหักเปอร์เซ็นต์การขายและการจ่ายเงินให้ทราบอย่างละเอียด ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกโกงแต่อย่างใด ดังนั้นมือใหม่ผู้หัดเขียนนิยายอีบุ๊คควรไปฝากหนังสือไว้ที่นี่  คำแนะนำคุณควรมีบัญชีธนาคารทหารไทยจะทำให้ไม่โดนหักเงิน 8 บาท เหมือนธนาคารอื่นๆ เป็นค่าธรรมเนียมโอนเงินทุกครั้งที่ทางเว็บจ่ายเงินคุณ
   หลังจากนำหนังสือไปฝากขาย ทางเว็บจะใช้เวลาตรวจสอบ 1-3 วัน  แล้วจะแจ้งผ่านอีเมลให้คุณทราบว่าบัดนี้หนังสือคุณได้ผ่านการพิจารณาให้นำไปฝากขายในเว็บแล้ว
   หากมีคนคลิกดาวน์โหลดสั่งซื้อ 1 เล่ม คุณจะได้รับเงินประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของราคาปก สมมติตั้งราคา 100 บาท คุณจะได้ประมาณ 70 บาท นี่เป็นตัวเลขคร่าวๆ ราคาจริงอาจน้อยกว่าหรือมากกว่านี้

    หลังจากมีคนคลิกซื้อคุณครั้งแรกคุณก็จะดีใจเหมือนถูกหวย แบบว่า เฮ้ย..มีคนซื้อฉันแล้ววว (โว้ย)
ซึ่งจะว่าไปนิยายคุณน่าจะมีคนซื้อแน่นอน แค่ซื้อน้อยหรือซื้อมากเท่านั้นเองแหละ

ทำอย่างไรให้คนซื้อนิยายคุณมากๆ 
   อย่งแรกสุดนิยายคุณก็ต้องสนุกถูกใจคนอ่าน และที่สำคัญกว่านั้นต้องพยายามสร้างฐานแฟนคลับที่คอยติดตามผลงานคุณให้ได้ จะไปโพสต์เรื่องไว้ตามเว็บอื่นๆ ให้คนติดตามอ่านหรือจะประชาสัมพันธ์ทางใดก็ได้ เพราะยิ่งมีคนรู้จักผลงานคุณมากเท่าไร ก็จะทำให้เขาตามมาซื้อนิยายคุณมากขึ้นเท่านั้น
 สิ่งสุดุท้ายที่จะลืมไม่ได้คือ อย่าหยุดเขียน การมีนิยายเล่มเดียววางขาย นาน ๆ เข้านิยายคุณจะถูกลืมและกลืนหายไปในเว็บ เพราะแต่ละวันมีคนเขียนนิยายมากมายมาวางขายเหมือนคุณ ดังนั้นพอเล่มแรกวางขายแล้ว ให้เริ่มลงมือเขียนเล่มสองต่อไป
     การเขียนนิยายอีบุ๊คสร้างรายได้ให้คุณได้  จะหลักร้อยหลักพันหลักหมื่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ  ใครจะรู้คุณอาจเป็นนักเขียนดังในอนาคตก็ได้
    ตลาดหนังสือนิยายอีบุ๊คกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ  เป็นตลาดที่เปิดกว้างสำหรับนักเขียนหน้าใหม่
    มาลองใช้จินตนการและความฝันของคุณให้เกิดประโยชน์กันดีกว่า
   
      อ่านจบแล้วก็ทำได้เลย สู้ๆ 
    วันหนึ่งต้องเป็นวันของคุณแน่นอนถ้าคุณไม่ยอมแพ้ 





วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

มาทำหนังสือนิยายอีบุ๊คขายกันเถอะ (ตอนที่ 2 การจัดหน้า)

ตอนที่ 2 การจัดหน้าต้นฉบับให้เป็นขนาดพ็อกเก็ตบุ๊ค 

 เมื่อคุณเขียนนิยายจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็ควรอ่านทบทวนตรวจหาคำผิดอีก 2-3 รอบเพราะหนังสือที่มีคำผิดมากมายจะทำให้ผู้อ่านไม่เชื่อถือ  ที่สำคัญที่สุดการเขียนนิยายที่มีตัวละครมากมาย จะมีอาการ "หลุด" เกิดขึ้นง่าย เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี หนังสือนิยายระดับมืออาชีพก็ยังมีหลุดให้เห็นเช่นกัน อาการหลุดก็ได้แก่
หลุดสถานที่ ตัวละครตัวนี้เมื่อบทก่อนอยู่ในบ้าน แต่บทนี้ดันออกมาอยู่นอกบ้านกับตัวละครอื่น
หลุดชื่อ  ใช้ชื่อตัวละครสลับกันไปมา หรือพฤิตกรรมตัวละครเปลี่ยนไปจากที่เคยเป็น
หลุดเวลา ต้องบวกลบเวลาให้เหมือนจริง เช่น นางเอกเดินทางไปต่างประเทศ และกลับมาในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เวลาที่ผ่านไปในนิยายต้องเหมือนเวลาจริง

รายละเอียดหนังสือ
    หลังตรวจสอบคำผิดจนแน่ใจแล้ว เราก็ควรเขียนคำนำ ถ้าไม่อยากเขียนก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องมีหน้าที่บอกรายละเอียดหนังสือ ซึ่งหนังสือทั่วไปควรมี คือ ชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง สนพ.หรือที่อยู่ติดต่อ  รหัส isbn ปีที่แต่ง ลิขสิทธิ์เป็นของใคร ราคาเล่ม (เขียนเผื่อไว้เผื่อมีใครมาติดต่อไปพิมพ์จริง)
ควรดูตัวอย่างจากหนังสือเล่มอื่นๆ
การขอเลข isbn
ดูจากแผนผังนี้
http://www.e-service.nlt.go.th/upload/news/plan_isbn.pdf
http://www.e-service.nlt.go.th/home/index.php
จัดหน้าให้เป็นพ็อกเก็ตบุ๊ค
เมื่อรวบรวมต้นฉบับครบถ้วนทุกหน้าแล้ว ซึ่งขอบอกว่าจำนวนหน้ากระดาษควรลงท้ายด้วยเลขคู่ เพื่อความสวยงามจะได้ไม่มีหน้าว่างโดยไม่มีสาเหตุ คราวหนี้เราก็มาจัดหน้าให้เป็นขนาดพ็อกเก็ตบุ๊คกัน ขนาดที่คุณพิมพ์ในคอมพ์อยู่ตอนนี้เราเรียกว่าขนาด A4 วิธีการคือเราต้องตั้งค่าหน้ากระดาษให้เป็นพ็อกเก็ตบุ๊คซึ่งเรียกว่าขนาด A5
    วิธีการง่ายเสียยิ่งกว่าง่ายก็คือ คุณมองไปที่แถบคำสั่งในโปรแกรมเวิร์ด จะเห็นคำว่า page layout ให้คลิ๊กที่คำสั่งนั้น ก็จะเห็นคำว่า page size ให้คลิ๊กขนาด A5 ซึ่งมีขนาดเท่ากับ 5.83x 8.27 นิ้ว คลิ๊กเสร็จแล้วคุณจะพบว่าบัดนี้ต้นฉบับของคุณได้กลายเป็นขนาดพ็อกเก็ตบุ๊คเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ไซส์กระดาษมาตรฐานทั่วไป
ใส่ปก
  วิธีทำปกหนังสือง่ายๆคือเลือกสีปก โดยใช้คำสั่ง page color เลือกสี  แล้วพิมพ์ชื่อหนังสือตัวใหญ่ๆลงไปกลางหน้ากระดาษ  ซึ่งจะว่าไปเป็นวิธีที่ไม่น่าสนใจ ควร insert  ภาพเก๋ๆ และเลือกฟอนต์สวยๆ ให้เหมาะสมกับเนื้อหานิยายของคุณจะทำให้น่าสนใจมากขึ้นอีก อย่าลืมใส่ราคา และตัวโปรยปกเพื่อให้หนังสือคุณน่าสนใจมากขึ้น

เซฟไฟล์
   เมื่อได้ทุกอย่างที่พอใจแล้ว ให้เซฟไฟล์เป็นนามสกลุ pdf  เป็นอันเสร็จพิธีได้พ็อกเก็ตบุ๊คมาหนึ่งเล่ม


การจัดหน้าแบบมืออาชีพ

    การจัดหน้านิยายอีบุ๊คสามารถทำได้ดีแบบมืออาชีพด้วยโปรแกรม in design อย่างแรกคือคุณต้องไปหาทางนำโปรแกรมนี้มาลงในเครื่อง อย่างที่สองลองจัดหน้าดู ซึ่งไม่ยากและสะดวกสบาย สวยหรู ดูดีมีระดับกว่า โปรแกรมเวิร์ดมากมายนัก
  ขอให้ลองศึกษาจากกูรูที่แนะนำการจัดหน้าด้วยโปรแกรม in design รับรองว่าคุณจะต้องทำเป็น


http://www.dek-d.com/board/view/3049259/

2.คู่มือการจัดหน้าด้วยโปรแกรม in design
http://itc.nida.ac.th/main/images/manualbyitc/01-InDesign.pdf

มีทั้งยูทูป เว็บไซต์ และหนังสือสอนการจัดหน้ามากมาย เลือกตามถนัดที่ชอบขอให้จัดเป็นให้ได้แล้วกัน



ลองศึกษาดูแล้วคุณจะชอบการจัดหน้าด้วย in design เพราะจะทำให้พ็อกเก็ตบุ๊คสวยงาม ดูมาตรฐาน และสามารถนำไฟล์ไว้ไปพิมพ์กับโรงพิมพ์ได้อีกด้วย
 ตอนต่อไป เราจะนำหนังสือนิยายอีบุ๊คเล่มแรกของเราขึ้นไปวางขายในโลกออนไลน์กันซะที เย้ เย้

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

มาทำหนังสือนิยายอีบุ๊คขายกันเถอะ (ตอนที่ 1)

มีหลายคนอยากเขียนหนังสืออีบุ๊ค แต่มีปัญหาเดียวกันคือไม่รู้จะเริ่มต้นทำอย่างไร ไม่รู้จะทำให้เป็นอีบุ๊คได้อย่างไร และไม่รู้จะขายที่ไหน เรามีคำแนะนำและขั้นตอนที่คุณอ่านจบแล้วจะทำให้คุณได้เป็นเจ้าของนิยายอีบุ๊คได้อย่างง่ายดาย

เริ่มต้นคือเขียนนิยาย
ก่อนจะทำ ก่อนจะขาย เราต้องมีของที่จะขายเสียก่อน คุณถนัดเขียนนิยายแนวไหนก็ตาม ขอให้ลงมือเขียน เขียน เขียน เขียนให้จบเล่ม 
คำถามคือจะเขียนอย่างไรให้เป็นนิยาย

หลักการสร้างพล็อตนิยาย
คำตอบคือเราเขียนตามสูตรการเขียนนิยาย ซึ่งมาตรฐานการเขียนพล็อตนิยายทั่วไป จะดำเนินเรื่องตามรูปแบบนี้คือ
1 เปิดเริ่ื่องมาเพื่อนำไปสู่ความขัดแย้งความวุ่นวาย หรือปัญหาหนักอกของตัวละคร 
    เช่น เปิดตัวนางเอก เราอาจเริ่มที่นางเอกเป็นคุณหนูเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย มีความเป็นอยู่สุขสบาย กำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศแต่วันหนึ่งกลับมาถึงบ้านพบว่าบ้านโล่งไปหมด เนื่องจากครอบครัวล้มละลาย ถูกยึดทรัพย์ นางเอกตกใจมาก จะเห็นความความขัดแย้งและปัญหาเกิดขึ้นแล้ว 
2 เพิ่มปัญหาให้หนักและซับซ้อนขึ้นอีก
    พ่อนางเอกป่วยหนักเพราะเสียใจ แม่ต้องการเงินด่วนที่บ้านไม่มีเงิน นางเอกต้องไปสมัครงาน ได้เป็นเลขาพระเอก
3 เหมือนคลี่คลายปัญหาแต่กลับเพิ่มความขัดแย้งขึ้นอีกเรื่อยๆ  
   นางเอกได้เงินเดือนสูง พอจะช่วยพ่อแม่ได้ แต่พระเอกไม่ชอบนางเอก เพราะดูเป็นคุณหนูไม่ค่อยอดทน นางเอกก็เกลียดขี้หน้าพระเอกที่ชอบดูถูก แต่ลาออกไม่ได้เพราะต้องการเงิน จำต้องทำงานกันต่อไป (จะเห็นว่าแก้ปัญหาแต่มีปัญหาเพิ่มขึ้น)
     ต่อมาพระเอกก็เริ่มเห็นความดีความน่ารักนางเอก กำลังจะดี แต่เกิดประธานบอร์ดบริษัท ฐานะร่ำรวยมาหลงรักนางเอก แสดงความหวังดีโดยจะให้ความช่วยเหลือด้านเงินทองครอบครัวนางเอกเพื่อให้ฟื้นธุรกิจขึ้นอีกครั้ง ส่วนเลขาบอร์ดก็มาหลงรักพระเอก เกิดความขัดแย้งระหว่างนางเอกกับพระเอกที่เริ่มมองกันไม่ดี  พร้อมทั้งเกิดคดีโกงเงินบริษัท ทำให้พระเอกเข้าใจผิดว่าเป็นนางเอกเนื่องจากเห็นว่าเป็นผู้หญิงชอบเงิน พระเอกเกลียดนางเอก ส่วนพ่อนางเอกใกล้ตาย ช่วงกลางเรื่องเราจะอัดปัญหาทุกอย่างไว้อย่างหนักที่สุด 
4 จุดสูงสุดของเรื่อง ทุกอย่างใกล้จะระเบิด
คนโกงเงินบริษัทคิดลอบฆ่านางเอกเพราะนางเอกมีหลักฐานแล้วว่าใครขโมยจริง พระเอกค้นพบหลักฐานแล้วว่านางเอกถูกใส่ร้าย พระเอกพยายามช่วย แต่นางเอกไม่ไว้ใจพระเอกแล้ว นางเอกตัดสินใจรักประธานบอร์ดเพราะเห็นในความดีและต้องการประชดพระเอก  ส่วนพระเอกเสียใจเลยประชดหันไปรักเลขาประธานบ้าง ต่อมาความจริงเปิดเผยประธานบอร์ดเป็นคนร่วมกันโกงบริษัท 
5 ปัญหาทุกอย่างคลี่คลาย
  พ่อหายป่วย นางเอกเข้าใจพระเอก ทั้งสองปรับความเข้าใจ
ทุกอย่างจบลงด้วยดี 
  มาตรฐานนิยายทั่วไปจะดำเนินเรื่องแบบนี้ คือ
เริ่มเรื่อง- เกิดความขัดแย้งวุ่นวาย -ยิ่งแก้ปัญหาก็ยิ่งขัดแย้งยิ่งเข้าใจผิด - คลี่คลายปัญหา -จบลงด้วยดี
  ความยาวของเรื่องควรอยู่ที่ 80 -120หน้าเอโฟร์ขึ้นไป 

     ตอนต่อไปเรามาจัดหน้านิยายให้เป็นพ็อกเก็ตบุ๊คกัน

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558


ขอให้ปี 2558 เป็นปีที่ผู้อ่านทุกท่านประสบความสำเร็จในสิ่งที่ฝัน
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกความใฝ่ฝัน